สำหรับใครที่ลดน้ำหนักด้วยการควบคุมอาหาร หรือออกกำลังกาย คงมีความสุขกับตัวเลขน้ำหนักที่ลดลงไปเรื่อย ๆ หลายคนคงมีความหวังว่าน้ำหนักตัวเองที่ลดลงอย่างสม่ำเสมอ เพราะคิดว่าน้ำหนักที่ลดลงหมายถึงรูปร่างที่ดีขึ้น ในช่วงแรกของการควบคุมอาหารและออกกำลังกาย บางคนอาจลดได้ 1-2 กิโลกรัมต่อเดือน แต่หลังจากนั้นหลายคนอาจหนักใจที่พบว่าน้ำหนักที่เคยลดลงอย่างต่อเนื่องในระยะแรก เกิดอาการหยุดนิ่ง อาการเหล่านี้เกิดจากที่ร่างกายเข้าสู่ความเคยชินกับการออกกำลังกาย และการคุมอาหารแบบเดิม ๆ ซึ่งเรียกว่า Plateau หรือ Hit The Plateau หรือคนนิยมเรียกกันว่า สภาวะ “หิดปลาทู” ใครที่เจอสภาวะแบบนี้ ถ้าไม่เข้าใจสาเหตุและวิธีการแก้ไขอาจท้อใจ จนเลิกออกกำลังกายไปได้ง่าย ๆ แล้ว Hit the plateau คืออะไร มาทำความเข้าใจกับสภาวะนี้กันเลย
หิดปลาทูคือ ภาวะน้ำหนักนิ่ง เป็นอาการของน้ำหนักที่อยู่เท่าเดิมเป็นระยะเวลานาน แม้ว่าจะพยายามลดน้ำหนักด้วยการควบคุมอาหาร หรือออกกำลังกายเหมือนทุกวัน น้ำหนักก็ยังคงอยู่เท่าเดิมไม่ลดลงสักที อาการนี้เกิดได้กับทุกคนที่กำลังลดน้ำหนัก ทั้งจากกลุ่มคนที่ลดน้ำหนักแบบผิดวิธี และกลุ่มคนที่ออกกำลังกายอย่างถูกวิธี โดยน้ำหนักจะลดได้เยอะในช่วงแรก จนระยะหนึ่ง น้ำหนักที่เคยลดลงอย่างต่อเนื่องกลับหยุดนิ่งคงที่ ซึ่งสภาวะน้ำหนักนิ่งเกิดจากร่างกายปรับตัวให้สมดุลกับพฤติกรรมการออกกำลังกาย และการกินอาหาร ดังนั้นเมื่อเรากำลังพบเจอปัญหานี้อยู่ ไม่ต้องตกใจไป เพราะไม่ได้หมายความว่าน้ำหนักจะไม่สามารถลดลงได้แล้ว เพียงแค่เราต้องเข้าใจสาเหตุ รู้จักปรับเปลี่ยนวิธีเพื่อให้ร่างกายได้พัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อเป้าหมายการมีสุขภาพและรูปร่างที่ดี
ภาวะน้ำหนักนิ่งที่ทำให้ลดน้ำหนักไม่ลงบางครั้งอาจไม่ได้เกิดจาก Hit the plateau (หิดปลาทู) เสมอไป หลายครั้งที่เมื่อลดน้ำหนักมาได้ซักระยะแล้ว คนส่วนมากจะเริ่มเคยชินกับการออกกำลังกาย ความใส่ใจในการควบคุมอาหาร ลดลง วินัยในการออกกำลังกายไม่ค่อยเคร่งครัดเหมือนช่วงแรก สิ่งนี้เป็นสาเหตุที่ให้น้ำหนักนิ่งได้เช่นกัน นอกจากจะต้องสังเกตดี ๆ ว่าภาวะน้ำหนักนิ่งนั้นว่าเป็นอาการของหิดปลาทูหรือไม่นั้น เรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่าหิดปลาทูนั้นมีกี่แบบพร้อมวิธีการแก้
สำหรับหิดปลาทูเทียมไม่ได้เป็นที่เรื่องที่น่ากังวลสำหรับผู้ที่ออกกำลังเพื่อลดน้ำหนัก และคิดว่าผู้ที่ออกกำลังกายหลายคนพบเจอเมื่อออกกำลังกายไปได้ซักระยะหนึ่ง หิดปลาทูเทียมคือภาวะน้ำหนักนิ่งที่เกิดจากการที่เมื่อเราออกกำลังกายและลดน้ำหนักลงไปได้ซักระยะร่างกายจะเคยชิน ทำให้ระดับต่าง ๆ ของพลังงานและสารอาหารที่ร่างกายต้องการ จะมีการปรับเปลี่ยนไปตามสภาพร่างกาย ร่างกายมีความแข็งแรงเพิ่มขึ้นเมื่อถึงในระดับนี้ หากเราไม่ปรับเปลี่ยนวิธีการออกกำลังกายให้เพิ่มมากขึ้น ร่างกายก็จะไม่พัฒนา และจะหยุดอยู่ในระดับเดิม ทำให้น้ำหนักเราจะมีความคงที่หรือน้ำหนักนิ่งนั่นเอง
ซึ่งวิธีการแก้ภาวะนี้ทำไดไม่ยาก คือ ปรับตารางการออกกำลังกาย ด้วยปรับน้ำหนักของแรงต้านให้หนักขึ้น เพิ่มจำนวนครั้งในการออกกำลังกาย เพิ่มระยะทางให้มากขึ้น หรือเพิ่มความถี่ในการออกกำลังกายให้บ่อยขึ้น รวมทั้งปรับเปลี่ยนรูปแบบการออกกำลังกายให้หลากหลาย สลับตารางไปมาบ้างก็จะช่วยให้กล้ามเนื้อ และร่างกายได้ท้าทายมากขึ้น เพราะการเพิ่มปริมาณ สร้างความหลากหลายในการออกกำลังกาย จะทำให้ร่างกายไม่เกิดการเคยชิน ต้องพัฒนาเพื่อตอบสนองกับการออกกำลังกายอยู่เสมอ
ภาวะนี้ถือว่าโดยมากจะมาจากการควบคุมอาหารแบบผิดวิธี กินน้อย หรืออดอาหาร และหักโหมออกกำลังกายมากเกินไป เมื่อน้ำหนักนิ่งก็จะรู้สึกว่าต้องลดอาหารลงอีก ออกกำลังกายมากขึ้นอีกเพื่อให้น้ำหนัดลดลง จนทำให้ถึงจุดที่ไม่สามารถลดอาหารและออกกำลังกายเพิ่มขึ้นได้อีกแล้ว อธิบายให้เข้าใจได้ง่ายๆคือ เมื่อร่างกายใช้งานหนักโดยได้รับพลังงานน้อย ร่างกายจะปรับตัวให้เข้ากับพลังงานที่ได้มาน้อย ด้วยวิธีการลดการเผาผลาญพลังงานลง ดังนั้นเมื่อร่างกายเผาผลาญพลังงานน้อยลง เราจึงไม่สามารถออกกำลังกายได้มากขึ้น จึงทำให้น้ำหนักเราจะอยู่ในระดับคงที่
นอกจากหิดปลาทูแท้จะเกิดจากการควบคุมอาหารและออกกำลังกายที่ผิดวิธีแล้ว ยังมักเกิดกับผู้ที่ใช้ยาและอาหารเสริมในการลดน้ำหนักเป็นเวลานานด้วย เพราะยาเหล่านั้นจะไปทำให้ทานอาหารได้น้อย เมื่อร่างกายเราได้รับพลังงานไม่เพียงพอกับการใช้งาน ยิ่งไปออกกำลังกายหนักมากเท่าไหร่ ร่างกายก็จะยิ่งต้องการอาหารเพื่อมาเป็นพลังงานมากขึ้น เมื่อร่างกายไม่ได้รับพลังงาน ร่างกายจะค่อยๆดึงพลังงานจากการสลายโปรตีนในกล้ามเนื้อซึ่งจะส่งผลให้กล้ามเนื้อลดลง พอกล้ามเนื้อลดลงก็จะทำให้การเผาผลาญพลังงานระหว่างวันลดลง หลังจากนั้นร่างกายจะลดการเผาผลาญไขมันลงและเก็บรักษาไขมันไว้เพื่อเป็นพลังงานสำรอง
เมื่อสาเหตุของการเกิดภาวะหิดปลาทูแท้เกิดจากระบบเผาผลาญมีปัญหาหรือพัง วิธีการแก้จึงต้องย้อนกลับไปปรับระบบเผาผลาญให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม ซึ่งอาจเริ่มด้วยการจะต้องทำการคำนวนปริมาณพลังงานและสารอาหารที่ร่างกายต้องการจริงๆเสียก่อน โดยคำนวนหาค่า และสารอาหาร (คาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน) ที่ร่างกายต้องใช้จริงๆเสียก่อน หรือกลับมากินอาหารให้ได้รับพลังงานที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายนั่นเอง โดยควบคุมการกินอาหารที่มีประโยชน์ เพื่อเป็นการกระตุ้นให้ระบบเผาผลาญกลับมาทำงานปกติ จะใช้เวลาในส่วนนี้ส่วนใหญ่จะอยู่ราวๆ 4-5 เดือน ขึ้นอยู่ว่าระบบการเผาผลาญนั้นลดต่ำหรือมีปัญหามากเเค่ไหน ช่วงนี้ของการฝื้นฟูระบบเผาผลาญนี้น้ำจะทำให้มีน้ำหนักเพิ่มขึ้น สลับกับนิ่งเป็นระยะ หากน้ำหนักตัวเริ่มนิ่งไม่ขึ้นไปกว่าเดิม แสดงว่าร่างกายปรับระบบการเผาผลาญขึ้นมาให้เท่ากับพลังงานที่ร่างกายรับแล้ว จึงทำการออกกำลังเพื่อลดน้ำหนักได้เหมือนเดิม แต่ขอย้ำว่าควรออกกำลังกายและกินอาหารให้ถูกวิธีด้วย
เป้าหมายสูงสุดของการออกกำลังกายคือสุขภาพดี ผลที่ตามมาคือการมีรูปร่างสมส่วนน้ำหนักตัว ไม่น้อยไปหรือมากไปจนเป็นอุปสรรคต่อการใช้ชีวิต และเป็นอันตรายต่อร่างกาย
เพื่อนๆที่ออกกำลังกายลองสังเกตตัวเองก็จะเห็นว่า เมื่อเราออกกำลังกายไปได้ระยะนึงน้ำหนักเราจะเท่าเดิม หรืออาจเพิ่มมากขึ้น แต่ขนาดตัวเราจะเล็กลง รูปร่างดูสมส่วนมากขึ้น นั่นเป็นเพราะเราได้กำจัดไขมันออกไป และเพิ่มกล้ามเนื้อให้ร่างกายเรามากขึ้นนั่นเอง
ลดน้ำหนักแล้วน้ำหนักนิ่ง อาจจะทำให้หลาย ๆ คนรู้สึกท้อ แต่ในการควบคุมอาหาร หรือออกกำลังกาย เราไม่ควรไปให้ความสำคัญกับตัวเลขบนตาชั่งของน้ำหนักเรามากนัก สิ่งที่เราควรสังเกตคือความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นของสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจของเราเองมากกว่า แล้วเราจะมีความสุขกับการออกกำลังกายมากขึ้น แบบเฮลตี้ทั้งกายและใจ ถึงจะลดน้ำหนักไม่ลง แต่ถ้ามีหุ่นที่ดีและแข็งแรงแล้ว ก็ถือว่าประสบผลสำเร็จในการออกกำลังกาย