ราชาแห่งสมุนไพรอย่าง “โสม” เป็นพืชที่มีสรรพคุณในการช่วยบำรุงร่างกายมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการช่วยเพิ่มความแข็งแรงของสุขภาพ เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน อีกทั้งยังมีส่วนช่วยลดน้ำหนัก และลดริ้วรอยแห่งวัย ที่สำคัญนอกจากโสมมีสรรพคุณมากมายแล้ว ยังเป็นพืชที่สามารถใช้ได้กับทุกคนอีกด้วย ทำให้ได้รับความนิยมมานานนับปีจนถึงปัจจุบัน แต่เพื่อให้ได้รับประโยชน์ของโสมอย่างเต็มประสิทธิภาพ บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับสรรพคุณของราชาแห่งสมุนไพร
โสม คือ พืชสมุนไพรล้มลุกชนิดหนึ่งที่มีสรรพคุณทางการแพทย์มากมาย ปลูกได้ในเฉพาะที่ที่มีอากาศเย็น โดยเป็นพืชที่อยู่ในวงศ์ ARALIACEAE สกุล Panax แบ่งออกได้หลายสายพันธุ์ แต่โสมที่นิยมใช้ในปัจจุบัน มีงานวิจัยรับรอง และมีการนำมาใช้อย่างแพร่หลายมากที่สุด คือ โสมเกาหลี โสมจีน และโสมอเมริกา
โสมทั้ง 3 สายพันธุ์นี้อยู่ในวงศ์ตระกูลเดียวกัน และมีสารสำคัญที่พบในโสมตัวเดียวกันคือ จินเซนโนไซต์ (Ginsenosides) และพาแน็กโซไซด์ (Panaxosides) ทำให้โสมมีสรรพคุณทางยามากมาย แต่อาจมีปริมาณที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละสายพันธุ์
โดยกระแสของโสมนั้นก็เริ่มดังขึ้นมาผ่านวัฒนธรรมจีนและเกาหลีที่แทรกซึมเข้ามาผ่านสื่อต่าง ๆ ในไทย จนนอกจากการใช้งานเป็นยาบำรุงแล้ว เรายังเห็นว่าโสมยังปรากฏอยู่ในทั้งเมนูอาหารเกาหลี หรือเป็นเครื่องเคียงชั้นเลิศอีกด้วย
โสมเป็นสมุนไพรที่มีด้วยกันหลากหลายชนิด หลากหลายสายพันธุ์ ซึ่งประโยชน์ของโสมแต่ละชนิดก็จะต่างกันออกไปด้วย แต่โดยหลักๆ แล้วโสมสามารถแบ่งด้วยกรรมวิธีการผลิตได้ 3 ชนิด คือ โสมสด โสมขาว และโสมแดง ดังนี้
ปกติแล้วโสมเป็นพืชที่นิยมรับประทานเมื่อมีอายุตั้งแต่ 6 ปีขึ้นไป แต่สำหรับโสมสด เป็นโสมหัวเล็กๆ ที่ถูกเก็บเกี่ยวตั้งแต่อายุไม่เกิน 4 ปี หลายคนอาจสงสัยว่าโสมสดทำอะไรได้บ้าง ส่วนใหญ่แล้วชาวเกาหลีนิยมเก็บโสมสดมาใช้ตุ๋นเป็นซุป หรือนำมาทำเมนูไก่ตุ๋นโสม เป็นต้น
โสมขาว เป็นโสมที่มีอายุตั้งแต่ 4-6 ปี หลังจากที่ทำการเก็บเกี่ยวจะนำรากโสมมาล้างน้ำทำความสะอาด แล้วนำไปตากแดดหรือทำให้แห้งด้วยวิธีการอื่นๆ ทำให้ได้โสมที่มีสีเหลืองปนขาว จึงถูกเรียกว่าโสมขาว ซึ่งเป็นโสมที่มีคุณภาพและราคาที่ต่ำกว่าโสมแดง
โสมแดง เป็นโสมที่มีอายุ 6 ปี หลังจากเก็บเกี่ยวทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว ผู้ผลิตจะคัดเอาเฉพาะรากโสมที่สมบูรณ์ที่สุด และดีที่สุดมาผ่านกระบวนการอบและฆ่าเชื้อ โดยจะอบด้วยไอน้ำประมาณ 120-130 องศาเซลเซียส นาน 2-4 ชั่วโมง จนโสมเริ่มเป็นสีน้ำตาลแดง หลังจากนั้นก็จะนำไปอบแห้งอีกรอบจนได้โสมสีน้ำตาลแดงใสขึ้น ด้วยคุณภาพของโสมและกระบวนการผลิตที่พิถีพิถัน ทำให้โสมแดงมีสารสำคัญเพิ่มขึ้นมาอีก 4 ชนิด จึงทำให้ราคาแพงกว่าโสมขาว
โสมมีสารสำคัญด้วยกันสองชนิด คือ จินเซนโนไซต์ (Ginsenosides) และพาแน็กโซไซด์ (Panaxosides) ทำให้โสมมีสรรพคุณที่ดีต่อสุขภาพมากมาย สำหรับประโยชน์ของโสมที่สำคัญแบ่งออกเป็นทั้ง 7 ข้อ ดังนี้
หนึ่งในประโยชน์ของโสมที่ดีต่อร่างกายคือช่วยเสริมสมรรถภาพการทำงานของร่างกายได้เป็นอย่างดีโดย โดยโสมมีคุณสมบัติช่วยปรับสมดุลในร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นฮอร์โมน อวัยวะภายใน ระบบประสาทต่างๆ เมื่อระบบในร่างกายทำงานดี มีความสมดุล สมรรถภาพการทำงานของร่างกายก็จะดียิ่งขึ้นเรื่อยๆ
อีกสรรพคุณโสมที่สำคัญคือช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย ซึ่งเป็นระบบที่ช่วยป้องกันร่างกายจากเชื้อโรคต่างๆ ทั้งแบคทีเรีย ไวรัส และเชื้อรา เมื่อไม่สบาย หรือร่างกายอ่อนแอการรับประทานโสมก็จะช่วยบำรุงร่างกาย ลดอาการป่วยไข้ได้เป็นอย่างดี
ประโยชน์ของโสมโดยรวมนั้นเป็นการปรับร่างกายให้เกิดความสมดุล ช่วยบำรุงโลหิต ดังนั้นการใช้โสมจึงเป็นการช่วยปรับการหมุนเวียนของเลือด ช่วยควบคุมความดันโลหิตไม่ให้สูงหรือต่ำลงได้ แต่ต้องศึกษาให้ดีก่อนใช้งานเพราะการออกฤทธิ์ของโสมแต่ละชนิดนั้นต่างกัน สำหรับโสมแดงนั้นเหมาะกับผู้ที่มีความดันโลหิตต่ำ ส่วนโสมขาวเหมาะกับผู้ที่มีความดันโลหิตสูง
โสมมีสรรพคุณในการทำให้ร่างกายดูดซึมคาร์โบไฮเดรตได้ช้าลง และเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการทำงานของเซลล์ที่ทำหน้าที่นำน้ำตาลกลูโคสไปใช้งานได้มากขึ้น อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นกระบวนการหลั่งอินซูลินของตับอ่อน ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดน้อยลง ซึ่งช่วยป้องกันการเกิดโรคเบาหวานได้
อีกหนึ่งประโยชน์ของโสมคือช่วยปรับฮอร์โมนเพศให้เกิดความสมดุล ซึ่งสามารถใช้ได้ทั้งกับผู้หญิงและผู้ชาย สำหรับผู้หญิงสามารถช่วยป้องกันอาการประจำเดือนขาดก่อนกำหนด อาการวัยทองก่อนเวลาอันสมควรได้ ส่วนของเพศชายนั้น โสมมีสรรพคุณสามารถช่วยเพิ่มไนตริกออกไซด์ (Nitric oxide) ในร่างกาย ซึ่งเป็นสารที่ช่วยให้รักษาอาการหย่อนสมรรถภาพได้เป็นอย่างดี
โสมมีสรรพคุณที่ช่วยในการต้านสารอนุมูลอิสระ จึงทำให้ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ และช่วยให้ระบบต่างๆ ภายในร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ การรับประทานเสริมจึงช่วยชะลอการเสื่อมของเซลล์ต่างๆ ได้เป็นอย่างดี
นอกจากสารสำคัญ 2 ชนิดที่ได้กล่าวไปแล้ว ในโสมยังมีสารอแดปโตเจน (Adaptogens) ซึ่งเป็นสารจากธรรมชาติที่ช่วยปรับสมดุลในร่างกาย ทำให้ผ่อนคลาย มีสมาธิมากขึ้น ที่สำคัญยังมีส่วนช่วยลดความเครียดได้อีกด้วย โดยจะกระตุ้นฮอร์โมนจากต่อมหมวกไต ลดความวิตกกังวลปรับสภาวะภายในจิตใจให้คงที่ได้ด้วย
คุณประโยชน์ของโสมมีอยู่มากมาย สามารถใช้ได้ในทุกเพศทุกวัย แต่คนบางกลุ่มก็ควรระมัดระวังในการใช้งาน เพราะจากพืชสมุนไพรที่มีประโยชน์อาจกลายเป็นยาพิษได้เช่นกัน
โสมมีสรรพคุณในการลดน้ำตาลในเลือด ดังนั้นหากผู้ป่วยเบาหวานคนใดที่กินยารักษาเบาหวานร่วมกับการใช้โสม อาจส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดต่ำลงมากเกินไปจนเป็นอันตรายได้ ดังนั้นก่อนควรปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอ เพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน ที่สำคัญควรควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในระดับปกติตามที่แพทย์แนะนำ
การรับประทานโสมนั้นอาจส่งผลต่อการเต้นของหัวใจ และความดันโลหิต ดังนั้นผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับหัวใจไม่ควรบริโภคโสม หรือหากต้องการบริโภคโสมควรปรึกษากับแพทย์ผู้รักษาถึงปริมาณที่รับประทานได้
โสมมีสรรพคุณที่มีฤทธิ์ป้องกันเส้นเลือดคั่งและทำให้เกล็ดเลือดแข็งตัวได้ยาก เพราะฉะนั้นจึงทำเลือดหยุดไหลได้ช้าลง ในผู้ที่มีภาวะเลือดออกผิดปกติเมื่อใช้โสมอาจทำให้เลือดออกมากกว่าปกติ เลือดหยุดไหลช้า คนกลุ่มนี้ควรหลีกเลี่ยงการใช้โสม
โสมนั้นมีสรรพคุณบำรุงร่างกาย เพิ่มภูมิคุ้มกัน เพราะฉะนั้นการใช้ยากดภูมิคุ้มกันร่วมกับการทานโสมจะส่งผลให้โสมไปกระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกายให้สูงขึ้น ส่งผลทำให้ประสิทธิภาพและการทำงานของยาลดลงได้
ผู้ที่มีความดันโลหิตสูงถึงต้องระมัดระวังในการทานโสม หรือใช้โสม เพราะโสมมีสรรพคุณช่วยปรับการไหลเวียนของโลหิตให้สมดุล แต่โสมบางชนิดนั้นมีฤทธิ์ร้อนยิ่งรับประทานทานยิ่งเพิ่มความร้อนให้กับร่างกาย ส่งผลให้เพิ่มความดันโลหิตให้สูงขึ้นได้ โดยเฉพาะโสมแดง
แม้ว่าประโยชน์ของโสมนั้นมีมากใช้ได้ทุกเพศทุกวัย แต่ยังไม่มีวิจัยรองรับว่าการใช้โสมในผู้ที่ตั้งครรภ์ หรืออยู่ระหว่างการให้นมบุตรมีผลข้างเคียงอย่างไร ดังนั้นคนกลุ่มนี้ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานโสม เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสี่ยงมากเกินไป และเพื่อความปลอดภัยต่อเด็กในครรภ์หรือทารก
ผู้ที่มีอาการป่วย มีไข้ หรือติดเชื้อถึงต้องระมัดระวังในการรับประทานโสม หรือใช้โสมเพราะโสมมีสรรพคุณบำรุงร่างกายเพิ่มภูมิคุ้มกันให้ดีขึ้น แต่การใช้โสมอาจเกิดการกระตุ้นร่างกายมากเกินไปจนทำให้เกิดผลข้างเคียงได้
แม้ว่าโสมมีสรรพคุณที่มากมายแต่ก็มีข้อควรระวังที่ควรรู้เพื่อที่จะได้ใช้ประโยชน์ของโสมได้มีประสิทธิภาพได้อย่างเต็มที่ โดยมีข้อควรระวังดังต่อไปนี้
ประโยชน์ของโสมนั้นช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของร่างกาย ช่วยให้กระปรี้กระเปร่า ตื่นตัว ซึ่งอาจทำให้มีปัญหาเกี่ยวกับการนอนได้ สำหรับผู้ที่มีปัญหาด้านการนอนหลับ การรับประทานโสมอาจจะไม่เหมาะ เพราะจะยิ่งทำให้นอนไม่หลับหรือหลับไม่สนิท จนพักผ่อนไม่เพียงพอได้ เป็นต้น
การเริ่มทานโสมจะต้องทานในปริมาณน้อยๆ สัก 1-2 กรัมต่อวัน หากทานในปริมาณที่เยอะเกินไปจนเกิดผลข้างเคียงตามมา มากกว่าที่จะได้รับประโยชน์ของโสมอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งอาจจะเกิดการเบื่ออาหาร เจ็บหน้าอก ความดันโลหิตสูงหรือต่ำผิดปกติ และหัวใจเต้นเร็วขึ้น เป็นต้น
ในการใช้โสมไม่ควรทานร่วมกับอาหารชนิดบางชนิด เพราะอาจจะทำให้ไม่ได้รับประโยชน์ของโสมอย่างเต็มที่ หากอยากทานอาหารอื่นควรเว้นระยะเวลาอย่างน้อย 3 ชั่วโมงหลังจากรับประทานโสมเข้าไป สำหรับอาหารที่ไม่ควรรับประทานร่วมกันกับโสมเลยคืออาหารที่มีกรดวิตามินซี อย่างน้ำมะนาว น้ำส้ม เพราะอาหารประเภทนี้จะส่งผลทำลายฤทธิ์ของโสมทำให้ โสมออกฤทธิ์ได้ไม่เต็มที่ รวมถึงการทานโสมร่วมกับสารที่มีคาเฟอีนอย่างชา กาแฟ จะทำให้กระตุ้นร่างกายนอนหลับได้ยาก
โสมมีสรรพคุณหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการช่วยเสริมให้ร่างกาย และระบบภูมิคุ้มกันดีขึ้น หรือช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด และความดันโลหิต รวมถึงช่วยชะลอการเสื่อม ปรับฮอร์โมนให้สมดุล หรือช่วยลดความเครียดได้เป็นอย่างดี แต่ถึงแม้ว่าประโยชน์ของโสมนั้นจะมีมากมาย แต่ก็ควรทานอย่างระมัดระวัง เพราะแทนที่จะได้ประโยชน์ อาจจะได้โทษกลับมาแทน พร้อมกับออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้สุขภาพแข็งแรงจากภายในสู่ภายนอก และถ้าหากคุณกำลังมองหาพื้นที่สำหรับออกกำลังกายที่ศูนย์การค้าเดอะ สตรีท รัชดา Activity Center แหล่งรวมกิจกรรมที่หลากหลาย เพื่อให้คนรักสุขภาพได้มาออกกำลังกาย และทำกิจกรรมต่างๆ ได้อย่างเต็มที่ตลอด 24 ชั่วโมง