การขายของแบบ Dropship คืออะไร ขายของไม่ต้องลงทุนมีอยู่จริง
ไม่มีกำหนดอายุ

การขายของแบบ Dropship คืออะไร ขายของไม่ต้องลงทุนมีอยู่จริง

ธุรกิจขายของออนไลน์กำลังเติบโตอย่างมากในตลาด และมีหลากหลายรูปแบบ ซึ่งมีรูปแบบหนึ่งที่เป็นการขายของออนไลน์แบบไม่ต้องลงทุน นั่นก็คือ ธุรกิจ Drop Shipping หรือที่เรียกกันว่า การสมัครตัวแทนจำหน่ายสินค้า บทความนี้จะพามารู้จักธุรกิจดรอปชิป ว่าการทำดรอปชิปคืออะไร เริ่มต้นขายของแบบดรอปชิปควรทำอย่างไร ข้อดีข้อเสีย ทั้งบอกข้อควรระวังของธุรกิจดรอปชิป เพื่อให้ได้เป็นทางเลือกหนึ่งในการทำธุรกิจออนไลน์


สารบัญ การขายของแบบ Dropship คืออะไร ขายของไม่ต้องลงทุนมีอยู่จริง


ขายของไม่ต้องใช้ทุน

ขายของไม่ต้องลงทุนมีจริงเหรอ?

ความจริงแล้ว “ทุน” มีหลายความหมาย แตกต่างกันไปในแต่ละด้าน หากเป็น ทุน ตามพจนานุกรมราชบัณฑิตยสถาน มี 2 ความหมาย คือ (1) น. ของเดิมหรือเงินเดิมที่มีไว้ ลงไว้ กำหนดไว้ จัดตั้งไว้ เพื่อประโยชน์ให้งอกงาม เช่น การมีความรู้เป็นต้นทุน และ (2) น. เงินหรือทรัพย์สินอื่นๆ ที่ตั้งไว้สำหรับดำเนินกิจการเพื่อหาผลประโยชน์ 
ส่วนความหมายของ ทุน ในทางเศรษฐศาสตร์ หมายถึง ปัจจัยในการผลิตที่ใช้ในการสร้างเศรษฐทรัพย์หรือบริการอื่นๆ ที่มนุษย์เป็นผู้ผลิตและไม่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ในทางด้านการเงินและการบัญชี คำว่าทุน หมายถึงความมั่งคั่ง โดนเฉพาะความมั่งคั่งที่ใช้ในการเปิดกิจการ ทั้งนี้ประเภทของทุน สามารถแบ่งออกเป็น 5 ประเภท ได้แก่ 

  1. ทุนทางสังคม
  2. ทุนเฉพาะบุคคล
  3. ทุนทางบัญชี
  4. ทุนธรรมชาติ
  5. ทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน

ซึ่งความหมายของทุนในหลายด้านเหล่านี้ ไม่จำเป็นต้องใช้ในการขายของแบบดรอปชิปเลยทั้งสิ้น ไม่ต้องตระเตรียมเงินไว้สำหรับดำเนินกิจการ ไม่ต้องลงทุนสั่งสินค้ามาเก็บไว้ อาจจะแค่ลงแรงในการทำการตลาด หรือโพสต์สินค้า

ดรอปชิปคืออะไร

การขายของแบบดรอปชิป (Dropship) คืออะไร?

ดรอปชิป คือ เทคนิคการทำธุรกิจออนไลน์ในรูปแบบหนึ่ง ที่มีระบบคล้ายกับการสมัครตัวแทนจำหน่ายสินค้า แต่แตกต่างจากตัวแทนจำหน่ายสินค้าแบบปกติ ตรงที่ผู้ที่เป็นตัวแทนไม่จำเป็นต้องสต็อกสินค้าเอาไว้ หรือส่งของเอง เพียงแค่นำรูปสินค้าและรายละเอียดสินค้าไปโพสต์ประกาศขายในช่องทางต่างๆ ในราคาที่ตั้งเอง สามารถบวกกำไรเพิ่มในการขายได้ เมื่อมีออเดอร์ลูกค้าเข้ามา ก็ติดต่อไปทางเจ้าของสินค้าหรือซัพพลายเออร์ ซึ่งจะเป็นผู้จัดส่งสินค้าไปให้ลูกค้าเอง โดยที่ตัวแทนแทบไม่ต้องลงทุนหรือเข้าไปยุ่งกับกระบวนการผลิตสินค้าเลย

เริ่มต้น Dropship

อยากเริ่มต้นขายของแบบดรอปชิป ควรเริ่มจากตรงไหนดี?

ใครที่สนใจอยากเริ่มการเป็นตัวแทนจำหน่ายขายแบบดรอปชิป สามารถทำได้ง่ายๆ ในเบื้องต้น ดังนี้

มองหาแหล่ง Dropship ที่ไว้ใจได้

หาสินค้าหรือผู้ให้บริการดรอปชิป ซึ่งสามารถหาได้จากเว็บไซต์ต่างๆ เช่น DHgate, LightInTheBox, Alibaba เป็นต้น ต้องหาแหล่ง Dropship ที่มีความน่าเชื่อถือและไว้ใจได้ โดยอ่านเงื่อนไขของแหล่ง Dropship ให้ครบถ้วน ศึกษาข้อมูลสินค้าให้เรียบร้อย และตรวจดูคุณภาพในการจัดส่งสินค้า

เลือกสินค้าสำหรับการขาย Dropship

การเลือกสินค้าสำหรับการขาย Dropship ก็เหมือนกับการเลือกว่าจะขายของออนไลน์อะไรดี? เพื่อให้ลูกค้าเกิดความสนใจและตัดสินใจซื้อ ส่วนมากสินค้า Dropship ที่ขายดีจะเป็น เฟอร์นิเจอร์ของใช้ในบ้าน อุปกรณ์เสริมสำหรับโทรศัพท์มือถือ เสื้อผ้าแฟชั่น สินค้าออกกำลังกาย และเครื่องสำอาง ซึ่งมีวิธีการเลือกสินค้าให้ขายดีคือ

  • สินค้าที่คุณสนใจ เพราะจะรู้ตลาดและความต้องการได้ดี
  • สินค้าที่ตลาดสนใจ เพราะสินค้าที่เป็นที่ต้องการของตลาด ย่อมมีผู้ซื้อ
  • สินค้าที่มีแบรนด์การันตี เพราะสินค้าจะมีคุณภาพ สร้างความเชื่อใจในสินค้า
  • สินค้าที่ราคาดี ไม่แพง เพราะราคาสินค้าที่ถูกกว่าตลาด จะดึงดูดลูกค้าได้ดี

สร้างช่องทางการขายออนไลน์

สร้างช่องทางการขายออนไลน์ ในเว็บไซต์ สื่อโซเชียลต่างๆ เช่น Facebook, Instagram หรือแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ต เช่น Shopee, Lazada โดยลงรูปภาพและรายละเอียดของสินค้าแล้วโพสต์ประกาศขาย เพื่อเป็นหน้าร้าน ให้ลูกค้าได้เข้ามาเลือกซื้อสินค้า

สร้างภาพลักษณ์ของร้านให้ดูโดดเด่น

การสร้างภาพลักษณ์ของร้านให้โดดเด่น จะช่วยดึงดูดลูกค้าให้มาสนใจมากขึ้น ร้านที่มีภาพลักษณ์ที่น่าเชื่อถือ จะเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจซื้อสินค้าของลูกค้า สามารถสร้างภาพลักษณ์นั้นได้โดยการโฆษณาบน Facebook การแชร์ การใส่แท็ก ตัวสินค้าและเพจร้านไปตามกลุ่มซื้อขายต่างๆ หรือแทรกบทความที่ให้ความรู้เกี่ยวข้องกับสินค้าที่มีขายด้วย เป็นเทคนิคหนึ่งของเทคนิคขายของออนไลน์

อัปเดตช่องทางการขายอยู่ตลอดเวลา

พยายามอัปเดตช่องทางการขายเป็นประจำ เพิ่มสินค้าใหม่ๆ เข้ามาเพื่อให้มีความหลากหลายมากขึ้น และการที่มีสินค้าหลากหลายครบถ้วนจะกลายเป็นจุดเด่นของร้าน ลูกค้าไม่ต้องไปหาซื้อสินค้าจากที่ไหนเพิ่ม อีกทั้งช่วยให้ลูกค้ามั่นใจว่าเป็นร้านที่มีอยู่จริง มีการแอคทีฟอยู่เสมอ ควรอัปเดตเป็นประจำสม่ำเสมออย่าง 3 – 4 ครั้งต่อสัปดาห์ 

Dropship Pros-Cons

ข้อดี-ข้อเสียของการขายของแบบดรอปชิป

แต่ก่อนที่จะตัดสินใจประกอบกิจการแบบ Dropship เรามาดูข้อดีและข้อควรระวังของกิจการรูปแบบนี้กันดีกว่า  เพื่อที่จะได้วางแผนดำเนินธุรกิจและตัดสินใจให้ดีก่อนลงมือทำ เตรียมพร้อมรับมือกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นภายหลังได้

ข้อดี

  • ไม่ต้องลงทุนสต็อกสินค้า
  • มีความเสี่ยงน้อยในการเริ่มต้นธุรกิจ
  • ทำธุรกิจได้ง่ายและประหยัดเวลา
  • สินค้ามีความหลากหลาย เลือกขายได้
  • ไม่ต้องส่งสินค้าเอง

ข้อเสีย

  • มีการแข่งขันค่อนข้างสูง
  • กำไรต่อชิ้นไม่ค่อยสูง
  • ไม่รู้จำนวนสต็อกสินค้าที่แท้จริง
  • หากสินค้ามีคุณภาพไม่ดี จะเสียความน่าเชื่อถือ

ข้อควรระวังในการขายของแบบดรอปชิป

ข้อควรระวังในการขายของแบบดรอปชิป

ธุรกิจ Dropship เติบโตอย่างมาก แต่ก็มีทั้งข้อดี – ข้อเสีย ซึ่งก็รู้ข้อควรระวังในการขายของออนไลน์แบบไม่ต้องลงทุนด้วยเช่นกัน

ลูกค้าไปซื้อกับดรอปชิปโดยตรง

ถ้าลูกค้าไปซื้อของกับแหล่ง Dropship โดยตรง จะส่งผลเสียต่อร้านที่เป็นตัวแทนจำหน่าย จะสูญเสียฐานลูกค้าไป เพราะแหล่ง Dropship ขายสินค้าให้ลูกค้าในราคาถูกกว่าร้านที่เป็นตัวแทนจำหน่าย        

ขายสินค้าเยอะเกินไป

การขายสินค้าจำนวนมากเกินไปก็อาจส่งผลเสียได้ เพราะร้านจะไม่มีจุดเด่น ดูเป็นร้านที่ขายสินค้ากลาดเกลื่อน ไม่มีหมวดหมู่หรือประเภทสินค้าที่แน่นอน ภาพลักษณ์ของร้านอาจตกต่ำได้

สินค้ามีปัญหาจากต้นทาง

เนื่องจากแหล่ง Dropship เป็นผู้ส่งสินค้าให้ลูกค้า ทำให้ทางร้านตัวแทนจำหน่ายไม่มีโอกาสได้เห็นสินค้านั้นโดยตรง การควบคุมคุณภาพสินค้าจึงเป็นเรื่องยาก หากสินค้ามีปัญหา ก็อาจทำให้ตอบคำถามได้ไม่ชัดเจนและแก้ปัญหาได้ยาก

หลายๆ คนอาจจะเข้าใจแล้วว่าดรอปชิปคืออะไร และมีวิธีเริ่มต้นการขายของแบบดรอปชิปอย่างไร เพื่อที่จะได้เป็นอีกช่องทางหารายได้เสริมที่สามารถทำควบคู่กับการทำงานประจำได้ แต่ว่าก่อนจะเริ่มลงทุน หรือเริ่มกิจการนั้นควรทำการศึกษาถึงข้อดี-ข้อเสีย หรือรายละเอียดต่างๆ ให้ดีเสียก่อน เพื่อป้องกันไม่ให้ขาดทุน หรือได้รับความเสียหายที่อาจตามมาได้ และถ้าหากพ่อค้า หรือแม่ค้าออนไลน์คนไหนกำลังมองหาขนส่งที่สามารถไว้ และเชื่อถือได้ สามารถแวะมาได้ที่ศูนย์การค้าเดอะ สตรีท รัชดา Logistic Hub แหล่งรวมบริษัทรับ-ส่งไปรษณีย์ และพัสดุที่มีให้ทุกคนได้เลือกใช้บริการอย่างครบครัน ไม่ว่าคุณอยากจะส่งของเวลาไหน ก็สามารถแวะมาใช้บริการรับ-ส่งของได้ตลอด 24 ชั่วโมง

Related