วิธีเลือกไม้แบด เจาะลึกทั้งไม้และเอ็นไม้แบดฉบับเข้าใจง่ายจบในที่เดียว
ไม่มีกำหนดอายุ

วิธีเลือกไม้แบด เจาะลึกทั้งไม้และเอ็นไม้แบดฉบับเข้าใจง่ายจบในที่เดียว

ถ้าพูดถึงกีฬาที่เป็นที่นิยมสำหรับบุคคลทุกเพศทุกวัย ไม่ว่าจะเป็นนักกีฬามืออาชีพ หรือแค่เล่นเพื่อความสนุกสนาน ก็คงหนีไม่พ้นกีฬาแบดมินตันอย่างแน่นอน กีฬาแบดมินตันเป็นกีฬาที่เล่นง่าย อุปกรณ์ไม่เยอะ มีกฎกติกาที่ไม่ซับซ้อน รวมทั้งประโยชน์ของแบดมินตันที่มีมากมายอีกด้วย 

ถึงอย่างไรก็ตาม การที่เราจะเล่นกีฬาชนิดนี้ได้อย่างเต็มที่ ไม่มีสะดุด นอกจากจะมีทริคในการเสิร์ฟลูกแบดมินตันแล้ว จำเป็นต้องมีทริคในการเลือกไม้แบดกันสักหน่อย เพราะไม้แบดในท้องตลาดมีให้เลือกเยอะมากๆ ทั้งถูกและแพง อาจทำให้หลายคนสับสนและไม่แน่ใจว่าควรเลือกแบบไหนดีถึงจะเหมาะกับการเล่นแบดมากที่สุด ดังนั้น บทความนี้จะพาทุกคนไปเจาะลึกกับวิธีเลือกไม้แบดว่าเลือกยังไงถึงจะเล่นได้แบบเพลิดเพลินจนไม่อยากหยุด


สารบัญ วิธีเลือกไม้แบด เจาะลึกทั้งไม้และเอ็นไม้แบดฉบับเข้าใจง่ายจบในที่เดียว


 

วิธีเลือกไม้แบด

ทำไมการเลือกไม้แบด และเอ็นไม้ถึงสำคัญอย่างมากต่อการใช้งาน

เชื่อหรือไม่ว่าการเลือกไม้แบดที่ไม่เหมาะสมกับตัวผู้ใช้งานเป็นตัวลดทอนความสามารถในการเล่นแบดมินตันได้ ไม่ว่าจะจับไม่ถนัดมือ หรือตีได้ไม่เต็มที่ ซึ่งบางคนอาจจะคิดว่าไม้แบดแบบไหนก็ได้เล่นได้เหมือนกัน แต่จริงๆ แล้ว การเลือกไม้แบดนั้นต้องคำนึงถึงองค์ประกอบอื่นๆ ที่มากกว่าเรื่องราคา หรือความนิยม

การเลือกไม้แบดที่ดี มีคุณภาพ และเหมาะสมกับสไตล์การใช้งานของคุณ จะช่วยให้การเล่นแบดของคุณสนุก และเพลิดเพลินมากยิ่งขึ้น เพราะความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ และข้อมือของแต่ละคนมีความแตกต่างกันออกไป รวมถึงพื้นฐานความสามารถในการเล่นแบดมินตันด้วยเช่นกัน เพราะฉะนั้น ก่อนเลือกไม้แบดมาใช้จึงต้องคำนึงถึงสิ่งเหล่านี้ โดยข้อดีของการเลือกไม้แบดที่มีคุณภาพดีและเหมาะสมกับการใช้งาน มีดังนี้

  • ช่วยให้การเล่นแบดคล่องตัวมากยิ่งขึ้น
  • มีแรงในการตีที่เหมาะสมต่อสไตล์การเล่น
  • ลดการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อและข้อมือ

 

เลือกไม้แบดต้องดูอะไรบ้าง

อยากได้ไม้แบดดีๆ ต้องดูอะไรบ้าง

การเลือกไม้แบดให้ดีและเหมาะสมกับการใช้งานก็เป็นปัจจัยที่ยกระดับการเล่นได้เป็นอย่างดี หลายๆ คนที่กำลังตัดสินใจเลือกซื้อไม้แบดคู่ใจเอาไว้ใช้เล่นแบบจริงจัง เล่นเพื่อความสนุกสนาน หรือเพื่อออกกำลังกาย ก็ลองมาดูกันว่ามีปัจจัยอะไรบ้างที่ใช้ในการเลือกไม้แบด และปัจจัยเหล่านี้ส่งผลต่อการเล่นแบดอย่างไร รวมทั้งจะต้องเลือกอย่างไรให้เหมาะสมเพื่อการเล่นที่สมูท มีแรงตีดี ไม่ทำให้กล้ามเนื้อบาดเจ็บ และเล่นได้ทุกวันแบบไม่มีเบื่อ 

ชนิดของไม้แบด

ชนิดของไม้แบดมีผลต่อการเล่น ดังนั้นการเลือกชนิดของไม้แบดจะต้องพิจารณาว่าคุณต้องการให้คุณสมบัติของไม้แบดเป็นแบบไหน และสไตล์การเล่นของคุณเป็นอย่างไร โดยไม้แบดแบ่งได้เป็น 2 ชนิด ได้แก่ 

  • ไม้เบา ใครที่ชอบเล่นท่าทาง ชอบความคล่องตัว แม่นยำ เน้นเล่นหน้าตาข่าย และเน้นรับ ควรเลือกใช้ไม้เบา เพราะให้ความคล่องตัว และตีสวิงลูกได้ดี
  • ไม้หนัก จะเหมาะกับผู้เล่นที่เน้นลูกตบ มีน้ำหนัก และมีทิศทางที่ชัดเจนแน่นอน

จุดศูนย์ถ่วงของไม้แบด

จุดศูนย์ถ่วง (Balance Point) เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญในการเลือกไม้แบด จุดศูนย์ถ่วงก็คือจุดที่ผู้เล่นสามารถบาลานซ์ไม้แบดบนนิ้วมือได้ ซึ่งเป็นเหตุผลที่สัมผัสของไม้แบดแต่ละอันมีความแตกต่างกันออกไป นอกจากนี้จุดศูนย์ถ่วงยังเป็นตัวชี้วัดว่าไม้แต่ละอันนั้นเหมาะกับการเล่นแบบไหน เช่น เล่นเดี่ยว-เล่นคู่ และ เกมรุก-เกมรับ โดยการแบ่งไม้แบดตามจุดศูนย์ถ่วง สามารถแบ่งออกได้ ดังนี้

  • ไม้หัวเบา (Head-Light Balance) จะมีระยะศูนย์ถ่วงอยู่ที่ 270-280 มิลลิเมตร เหมาะสำหรับผู้เล่นที่เน้นการตีลูกเร็ว สามารถบังคับได้ง่าย คล่องตัว และควบคุมได้ดี 
  • ไม้หัวหนักปานกลาง (Even-Balance) จะมีระยะศูนย์ถ่วงอยู่ที่ 275-285 มิลลิเมตร จุดศูนย์ถ่วงของไม้หัวหนักปานกลางจะอยู่ตรงกลางของไม้แบด เหมาะสำหรับผู้เล่นระดับเริ่มต้น หรือผู้เล่นที่เล่นได้แบบรอบด้าน ทั้งเกมรุก-เกมรับ 
  • ไม้หัวหนัก (Head-Heavy Balance) จะมีระยะศูนย์ถ่วงอยู่ที่ 285-295 มิลลิเมตร หรือมากกว่า หากระยะห่างระหว่างส่วนท้ายของด้ามจับไม้แบดกับระยะจุดศูนย์ถ่วงอยู่ที่ 300 มิลลิเมตร จะเหมาะกับการเล่นเกมรุก ใครที่ชอบตีลูกแบบแรงๆ จะเหมาะกับการใช้ไม้แบบนี้ ส่วนใครที่เพิ่งเริ่มหัดเล่นจะไม่เหมาะกับไม้หัวหนัก เนื่องจากอาจทำให้เกิดการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อได้ 

น้ำหนักของไม้แบด

น้ำหนักของไม้แบดเป็นตัวแปรสำคัญของคุณภาพการเล่น เนื่องจากน้ำหนักของไม้แบดมีผลต่อความคล่องตัว ความเข้ามือ การออกท่าทาง และการเคลื่อนไหว ซึ่งการเลือกก็ดูจากความแข็งแรงของผู้เล่น และสไตล์การเล่น น้ำหนักของไม้แบดนั้นก็มีหลากหลาย ใช้หน่วยเป็น U ซึ่งตัวเลขยิ่งน้อยเท่าไร น้ำหนักก็จะยิ่งมากขึ้น ผู้ที่เพิ่งเริ่มเล่นควรเริ่มจากน้ำหนักเบาๆ ประมาณ 3U (85-89g.) เพราะง่ายต่อการควบคุม และช่วยลดโอกาสของการบาดเจ็บจากการเล่น ตัวอย่างน้ำหนักของไม้แบด 

  • 2U (90-94g.) : หนัก (Heavy weight)
  • 3U (85-89g.) : หนักปานกลาง (Medium weight) 
  • 4U (80-84g.) : เบา (Light weight)
  • 5U (75-79g.) : เบามาก (Ultralight weight)

ด้ามจับของไม้แบด

การเลือกด้ามจับของไม้แบดให้ถูกใจ และใช้งานได้ตรงกับความต้องการจะช่วยให้การเล่นแบดมินตันมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ดังนั้น การเลือกด้ามจับที่เหมาะสมกับผู้เล่นมากที่สุดจึงเป็นสิ่งสำคัญในการตัดสินใจเลือกซื้อไม้แบดสักอันหนึ่ง โดยทั่วไปแล้ว ด้ามจับที่ใช้ในการเล่นจะมีอยู่ด้วยกัน 3 ประเภท ก็คือ

  • Replacement Grip เป็นด้ามจับที่สามารถนำมาเปลี่ยนกับด้ามจับเดิมได้ ซึ่งจะมีความหนามากกว่าด้ามจับเดิมเล็กน้อย วัสดุมักทำจาก PU มีคุณสมบัติซึมซับเหงื่อและแรงเสียดทานได้ดี 
  • Overgrip เป็นด้ามจับที่มีลักษณะบาง สามารถนำมาพันกับด้ามเดิมของไม้แบด หรือพันรอบ Replacement Grip ช่วยให้ด้ามจับหนาขึ้น 
  • Towel Grip คือ ด้ามจับที่มีความหนาและหนัก ผลิตจากคอนตอน ซึมซับเหงื่อได้ดี แต่ข้อเสียคือ ต้องเปลี่ยนบ่อย การเลือกใช้ Grip แต่ละประเภทจะขึ้นอยู่กับการใช้งาน และสไตล์การเล่น หากผู้เล่นต้องการเล่นแบบ Control Play ด้ามจะต้องมีความบาง เพื่อการควบคุมที่ง่าย ส่วนผู้เล่นแบบ Power Play ที่ต้องใช้แรงมากขึ้น จะเหมาะกับด้ามแบดที่หนา เพราะการจับต้องแน่น และถนัดมือ

 

การเลือกเอ็นไม้แบด

เสริมประสิทธิภาพให้ไม้แบดได้ง่ายๆ ด้วยการเลือกเอ็นไม้แบดที่ใช่

นอกจากการเลือกไม้แบดแล้ว เอ็นแบดก็ยังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่มีส่วนช่วยเสริมประสิทธิภาพให้ไม้แบดของผู้เล่นอีกด้วย เพราะอย่างที่รู้กันว่าบริเวณเอ็นแบดเป็นบริเวณที่ต้องสัมผัสกับลูกขนไก่ จึงเป็นส่วนที่มีผลต่อการเล่นเช่นเดียวกับส่วนอื่นๆ ของไม้แบด โดยลักษณะทั่วไปของเอ็นแบดจะต้องไขว่กัน เรียบ ความยาวไม่ควรเกิน 280 มิลลิเมตร และความกว้างไม่เกิน 220 มิลลิเมตร ส่วนวิธีการเลือกเอ็นไม้แบดนั้นผู้เล่นจะต้องคำนึงถึง ขนาดเอ็นไม้แบด และการขึ้นเอ็นไม้แบด ตามรายละเอียดดังนี้

ขนาดเอ็นไม้แบด

ขนาดเอ็นไม้แบดก็เหมือนกับส่วนอื่นๆ ของไม้แบดที่มีผลต่อคุณภาพ และประสิทธิภาพของการเล่น ซึ่งขนาดที่แตกต่างกันออกไปก็เหมาะกับรูปแบบการเล่นที่ต่างกัน ขนาดเอ็นไม้แบดสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ขนาด ได้แก่

  • เอ็นเส้นเล็ก มีขนาดอยู่ที่ 0.66 มิลลิเมตร มีความเด้ง ความดัง และการดูดซับแรงกระแทกสูง ควบคุมง่าย ส่วนความคงทนอยู่ที่ระดับกลางๆ เอ็นในลักษณะนี้เหมาะกับผู้ที่เพิ่งเริ่มเล่น มีความแข็งแรงน้อย และชอบความเด้งของการตี
  • เอ็นเส้นกลาง มีขนาดอยู่ที่ 0.68 มิลลิเมตร มีความเด้ง ความดัง  และการดูดซับแรงกระแทกที่น้อยกว่าแบบเส้นเล็กเล็กน้อย ควบคุมค่อนข้างง่าย ความคงทนค่อนข้างดี เหมาะกับผู้ที่เริ่มชำนาญในการเล่น และมีแรงระดับกลางๆ 
  • เอ็นเส้นใหญ่ มีขนาดอยู่ที่ 0.70 มิลลิเมตร มีความเด้ง ความดัง และการดูดซับแรงกระแทกในระดับกลาง ควบคุมไม่ยาก มีความคงทนสูง เหมาะกับผู้ที่มีทักษะการเล่นเป็นอย่างดี มีแรงเยอะ กล้ามเนื้อและข้อมือแข็งแรง 

การขึ้นเอ็นไม้แบด

การขึ้นเอ็นไม้แบดเป็นการปรับระดับเอ็นให้เหมาะสมกับความต้องการ และรูปแบบการเล่นของผู้ใช้ การขึ้นเอ็นไม้แบดโดยทั่วไปสำหรับผู้หญิงจะอยู่ที่ 18-22 ปอนด์ สำหรับผู้ชายจะอยู่ที่ 21-24 ปอนด์ การขึ้นเอ็นที่ปอนด์สูง เหมาะกับผู้ที่ต้องการใช้แรงในการตบเยอะ ควบคุมลูกขนไก่ได้ดี แต่ก็จะใช้กำลังแขนเยอะขึ้นตามไปด้วย หากปอนด์น้อย จะทำให้การตีง่ายขึ้น ทุ่นแรงจากข้อมือ แต่การควบคุมลูกขนไก่ก็จะยากกว่าแบบเบอร์ปอนด์สูง การขึ้นเอ็นไม้แบดสามารถแบ่งออกได้เป็น 5 ระดับดังนี้

  • ระดับต่ำ การขึ้นเอ็นระดับต่ำก็คือมีระดับที่ต่ำกว่า 20 ปอนด์ ซึ่งในระดับนี้เอ็นจะมีความหย่อน การควบคุมลูกยาก การควบคุมทิศทางยาก ข้อดีคือ แรงสปริงดี
  • ระดับกลางต่ำ การขึ้นเอ็นระดับกลางต่ำก็คือมีระดับอยู่ที่ 21-23 ปอนด์ เหมาะกับมือใหม่ ในระดับนี้ แรงสปริงของหน้าไม้และการควบคุมลูกค่อนข้างดี
  • ระดับกลาง การขึ้นเอ็นระดับกลางก็คือมีระดับอยู่ที่ 23-25 ปอนด์ ซึ่งการตีในระดับนี้ ผู้เล่นจะรู้สึกว่าการตีมีความแข็งขึ้น แรงสปริงดี และจะเริ่มสังเกตถึงความเด้งเมื่อลูกสัมผัสกับเอ็น
  • ระดับกลางสูง การขึ้นเอ็นระดับกลางสูงก็คือการขึ้นเอ็นที่มีระดับอยู่ที่ 25-27 ปอนด์ ในระดับนี้แรงสปริงจะลดลง ซึ่งช่วยให้เกิดความแม่นยำในการออกแรง ความแข็งจะมากขึ้น ควบคุมลูกได้ง่ายตามแรงที่ส่งออกไป การเล่นลูกหยอดในการขึ้นเอ็นระดับนี้ทำได้ดี และมีประสิทธิภาพ
  • ระดับสูง การขึ้นเอ็นระดับกลางต่ำก็คือมีระดับอยู่ที่ 28 ปอนด์ขึ้นไป ในระดับนี้จะเหมาะกับผู้เล่นมืออาชีพ การขึ้นเอ็นระดับนี้ช่วยเพิ่มความแข็งของหน้าไม้แบด มีการสะท้อนกลับที่รวดเร็ว การควบคุมง่าย แต่ข้อเสียคือไม้แบดจะเกิดการชำรุดง่ายขึ้น

 

การเลือกไม้แบด

จะรู้ได้ยังไงว่าตัวเองเหมาะกับไม้แบดแบบไหน

การเลือกไม้แบดนั้นนอกจากจะพิจารณาจากปัจจัยที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ตัวผู้เล่นก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยเช่นกัน ซึ่งวิธีที่จะดูว่าตนเองนั้นเหมาะกับไม้แบดแบบไหนนั้น ก็มาดูกันเลยว่ามีอะไรบ้าง 

  • พื้นฐาน คือ ความสามารถหรือความรู้ด้านการเล่นแบดมินตันของคุณอยู่ในระดับไหน ตัวอย่างเช่น หากผู้เล่นเป็นคนที่ยังเล่นแบดมินตันไม่เป็น ไม่ค่อยถนัด หรือยังไม่คุ้นชินกับการใช้ไม้แบด การเลือกไม้แบดที่เบา เส้นเอ็นขนาดเล็ก และตั้งเอ็นอยู่ที่ระดับกลางต่ำ ก็จะเหมาะสมกับผู้ที่เริ่มต้นเล่น เป็นต้น
  • ความแข็งแรง ความแข็งแรงของผู้เล่นถือเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ในการเล่นแบดมินตันความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและข้อมือจึงจำเป็น หากไม่อยากบาดเจ็บก็ควรเลือกไม้แบดที่เข้ากับตัวเอง ถ้าข้อมือไม่แข็งแรง ไม่มีแรงตีมากก็ให้เลือกไม่แบดที่มีลักษณะเบา ถ้าหากมีความชำนาญแล้วก็สามารถเลือกไม้แบดที่หนักขึ้นมาได้ 
  • สไตล์การเล่น มีผลต่อการเลือกใช้ไม้แบด ใครที่เน้นความคล่องตัว รวดเร็ว บังคับลูกได้ดี จะเหมาะกับไม้ที่มีลักษณะเบา ส่วนใครที่เน้นเกมรุก เน้นน้ำหนักแรงๆ ก็จะเหมาะกับไม้ที่มีน้ำหนักและการขึ้นเอ็นที่ระดับสูงขึ้นไป เป็นต้น

 

วิธีการใช้ไม้แบต

ข้อควรรู้เกี่ยวกับการใช้ไม้แบด

เมื่อเลือกไม้แบดคู่ใจได้แล้ว สิ่งที่ลืมไม่ได้ก็คือการดูแลรักษา หรือการเก็บรักษาไม้แบดนั่นเอง ใครอยากมีไม้แบดที่โดนใจ ใช้งานคู่กับเราไปยาวๆ ต้องปฏิบัติตามนี้เลย

  • ไม่ควรนำไม้แบดไปตากแดดจัดๆ หรือเก็บไว้ในบริเวณที่มีแดดจัด เพราะจะทำให้ไม้แบดเสื่อมสภาพ
  • เก็บในพื้นที่แห้งและเย็น
  • ทำความสะอาดทุกครั้งหลังเล่นเสร็จ
  • ไม่ควรนำสิ่งของมาวางทับไม้แบด 
  • ควรหมั่นเปลี่ยนเอ็น และ Grip เป็นประจำ


ในการเลือกไม้แบดให้เหมาะสมกับตัวเรานั้นจะต้องคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ ให้ดี เพราะไม้แบดที่ดีและมีคุณภาพจะช่วยให้การเล่นแบดมินตันมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งทุกคนสามารถดูวิธีเลือกไม้แบดจากบทความนี้ได้เลย เช่น การเลือกประเภทไม้แบด หรือการเลือกเอ็นไม้แบด เป็นต้น นอกจากนี้ สำหรับใครที่กำลังมองหาสนามแบดมินตันเพื่อเล่นกีฬา ที่ศูนย์การค้าเดอะ สตรีท รัชดา มี The Street Arena พื้นที่เล่นกีฬากลางแจ้ง และ Activity Center ที่ตอบโจทย์ทุกกิจกรรมตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้ทุกคนสามารถออกกำลังกาย และทำกิจกรรมต่างๆ ได้อย่างเต็มที่
 

Related