ในยุคปัจจุบันที่เทรนด์การขายของออนไลน์กำลังมาแรง เพราะทั้งสะดวก ประหยัดเวลา ไม่ต้องเดินทางไปซื้อถึงร้าน ทำให้มีหลายคนที่สนใจหันมาเริ่มต้นขายของออนไลน์กัน ซึ่งหนึ่งในรูปแบบการขายของออนไลน์นั้นคือการเปิดพรีออเดอร์ ที่จะทำให้คุณไม่ต้องกังวลเรื่องการเก็บสต็อกสินค้าอีกต่อไป บทความนี้จะมาแนะนำว่าพรีออเดอร์คืออะไร และอยากรับพรีออเดอร์ทํายังไง
การพรีออเดอร์ (Pre-order) คือ การสั่งซื้อสินค้าล่วงหน้า โดยเป็นสินค้าที่ไม่ได้มีอยู่ในสต็อก ซึ่งอาจจะเป็นสินค้าที่ต้องรอการผลิตหรือเป็นสินค้าที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ มักต้องใช้ระยะเวลาในการสั่งซื้อและรอสินค้านานกว่าการขายสินค้าปกติ หรืออธิบายได้ว่า สินค้าพรีออเดอร์คือสินค้าที่ต้องรอได้รับออเดอร์หรือคำสั่งซื้อจากลูกค้าเข้ามาก่อน ทางร้านจึงจะทำการสั่งผลิตหรือนำเข้าสินค้ามาตามจำนวนที่ได้รับออเดอร์ และดำเนินการจัดส่งของไปยังลูกค้านั่นเอง
การขายสินค้าแบบพรีออเดอร์นั้นผู้ขายไม่จำเป็นต้องมีการสต็อกสินค้าไว้ก่อน คล้ายกับวิธีการขายของออนไลน์แบบดรอปชิป ต่างกันตรงที่การดรอปชิปไม่จำเป็นต้องจัดการเรื่องการจัดส่งสินค้าเอง เพียงเป็นตัวแทนโปรโมทการขายสินค้าและรับคำสั่งซื้อจากลูกค้า แล้วติดต่อสั่งกับเจ้าของสินค้าซึ่งจะเป็นผู้ส่งสินค้าเอง
สำหรับวิธีพรีออเดอร์สินค้านั้นมีอยู่สองรูปแบบด้วยกัน นั่นคือ
สินค้าพรีออเดอร์สามารถเป็นได้หลากหลายประเภทให้คุณเลือกเปิดรับพรีออเดอร์กัน ตัวอย่างเช่น
หากคุณกำลังสนใจอยากขายสินค้าพรีออเดอร์ ก็สามารถเริ่มต้นศึกษาหาข้อมูลเพื่อเตรียมตัวขายของได้ โดยมีขั้นตอนวิธีการ รวมถึงเทคนิคต่างๆ ที่ควรทำในการที่จะเปิดรับพรีออเดอร์สินค้าตามด้านล่างนี้
ขั้นตอนแรกในวิธีขายสินค้าพรีออเดอร์ คือ การเลือกสินค้าที่จะนำมาขาย ซึ่งอาจจะเป็นสินค้าที่จะสั่งผลิตหรือจะนำเข้ามาจากต่างประเทศก็ได้ โดยแนะนำให้เริ่มเลือกจากสินค้าที่สนใจ ศึกษาและทำความเข้าใจเกี่ยวกับข้อมูลรายละเอียดของสินค้า ทั้งคุณสมบัติ ลักษณะของสินค้า ระยะเวลาจัดส่ง และกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงคิดคำนวณการตั้งราคาสินค้าชนิดนั้นๆ เทียบกับคู่แข่งอื่นๆ ในตลาด เพื่อให้เข้าใจว่าสินค้านั้นเหมาะจะเป็นสินค้าพรีออเดอร์หรือไม่ ทั้งนี้ ไม่ควรเปิดรับพรีออเดอร์สินค้าบางจำพวก เช่น ของกินที่เน่าเสียได้ง่าย สินค้าต้องห้ามที่ห้ามเปิดรับพรีออเดอร์ และสินค้าไม่มีคุณภาพ
ขั้นตอนถัดมานับว่าสำคัญไม่แพ้กันเลย คือการสร้างช่องทางการขาย ช่องทางในการนำเสนอ โพสต์ภาพ แจ้งรายละเอียด โปรโมทสินค้า รวมถึงใช้ในการติดต่อกับลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นทางเว็บไซต์ โซเชียลมีเดียต่างๆ เช่น เพจ Facebook, Instagram, Line Official, Twitter หรือแพลตฟอร์ม E-Commerce เช่น Shopee, Lazada
การหาเว็บไซต์ที่จะพรีออเดอร์ถือว่าเป็นอีกหนึ่งขั้นตอนสำคัญของวิธีการขายของแบบพรีออเดอร์ โดยเฉพาะการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์จากต่างประเทศ เช่น จากประเทศจีน เกาหลี ญี่ปุ่น เป็นต้น ซึ่งการหาเว็บไซต์ในการสั่งผลิตสินค้านั้น ควรต้องศึกษาหาข้อมูลแหล่งขายสินค้าจากหลายๆ แหล่งมาเปรียบเทียบกันทั้งเรื่องราคา คุณภาพ ระยะเวลาการจัดส่งสินค้า รวมถึงควรตรวจสอบรีวิวจากคนอื่นๆ
หากอยากมั่นใจในเรื่องคุณภาพให้มากขึ้น ควรทดลองสั่งซื้อสินค้ามาจริงๆ ก่อน เพื่อตรวจสอบความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์นั้น ที่สำคัญคือควรหาเว็บไซต์สำรองไว้เผื่อเกิดข้อผิดพลาดกรณีที่เว็บไซต์หลักไม่สามารถส่งสินค้าให้ได้
การขนส่งสินค้าควรเลือกบริษัทขนส่งที่น่าเชื่อถือ ควรมีความรวดเร็ว ตรงต่อเวลา และมีความปลอดภัยในการขนส่ง ไม่ทำสินค้าเสียหาย เพราะฉะนั้นควรมีการเปรียบเทียบคุณภาพของบริษัทขนส่งแต่ละเจ้าให้ดีก่อนเลือก โดยระยะเวลาในการขนส่งจากต่างประเทศก็จะแตกต่างกันไปตามระยะทาง และช่องทางการขนส่ง เช่น ทางรถ ทางเรือ ทางเครื่องบิน มักใช้เวลาประมาณ 10-30 วัน นอกจากนี้แต่ละช่องทางก็จะมีค่าใช้จ่ายมากน้อยไม่เท่ากันอีกด้วย
เมื่อสินค้าที่นำเข้าจากต่างประเทศมาถึงปลายทางที่ประเทศไทยเรียบร้อย ต้องมีการยื่นเอกสารและตรวจรับสินค้าผ่านกรมศุลกากรก่อน รวมทั้งต้องมีการชำระค่าใช้จ่ายที่จำเป็น เช่น ค่าอากรภาษีนำเข้า (ถ้ามี) ค่าธรรมเนียมศุลกากร ค่าวางเงินประกัน เป็นต้น เมื่อได้รับสินค้ามาถึงมือแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการนำเข้าหรือการสั่งผลิตก็ตาม ควรมีการตรวจสอบสภาพความเรียบร้อยของสินค้าก่อนที่จะส่งให้ลูกค้า เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อให้กับร้าน
อย่างที่ทราบกันดีว่าธุรกิจการขายของออนไลน์นั้นก็จะมีทั้งข้อดีและข้อเสียปะปนกันไป สำหรับการขายสินค้าแบบวิธีพรีออเดอร์นั้น มีข้อดีและข้อเสียดังนี้
เมื่อได้ทำความเข้าใจกันไปแล้วว่าการพรีออเดอร์คืออะไร มีขั้นตอนวิธีการรวมถึงข้อดีข้อเสียอย่างไรบ้าง ถัดมายังมีข้อควรรู้บางอย่างที่ควรรู้ก่อนจะเริ่มเปิดขายสินค้าพรีออเดอร์อยู่ ดังนี้
สินค้าต้องห้ามในการขายแบบพรีออเดอร์ ได้แก่ สินค้าที่ผิดกฎหมาย เช่น อาวุธ วัตถุอันตราย สินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ สินค้าปลอมแปลง ของมึนเมา วัตถุลามก ยาเสพติด ฯลฯ
ควรมีการกำหนดระยะเวลาในการพรีออเดอร์ให้ดี โดยกำหนดช่วงเวลาที่จะเปิดและปิดรับออเดอร์ให้ชัดเจน ระบุเป็นรอบๆ เพื่อให้ได้จำนวนการสั่งซื้อที่แน่นอน สะดวกในการจัดการออเดอร์และการสั่งสินค้า ที่สำคัญคือต้องมีการแจ้งลูกค้าถึงระยะเวลาที่คาดว่าสินค้าจะมาถึงและเผื่อเวลาที่จะจัดส่งถึงลูกค้า เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ
การรับพรีออเดอร์สินค้ามากเกินไป ไม่ว่าจะเป็นชนิดของสินค้าที่มีหลายอย่างเกินไป หรือปริมาณในการสั่งที่มากเกินไป เป็นการเพิ่มความเสี่ยงในการที่จะต้องรับภาระหากเกิดข้อผิดพลาดขึ้น เช่น ลูกค้ายกเลิกออเดอร์ ก็จะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายสินค้านั้นไป หรือสินค้าผลิตไม่ทันหรือไม่สามารถจัดส่งสินค้ามาให้ได้ ก็อาจกระทบต่อความเชื่อใจของลูกค้า รวมถึงหากมีสินค้าจำนวนมากๆ อาจทำให้การตรวจสอบและจัดส่งสินค้าล่าช้าไม่ทันเวลา หรือมีค่าใช้จ่ายเรื่องภาษีเพิ่มขึ้นได้
การพรีออเดอร์สินค้านั้นถือว่าเป็นอีกช่องทางในการหารายได้เสริม และเป็นเทรนด์การขายของมาแรงที่สามารถทำได้ทุกคน เพียงแค่หาสินค้าที่เหมาะกับการพรีออเดอร์ หาแหล่งพรีออเดอร์และขนส่งที่น่าเชื่อถือ พร้อมกับสร้างช่องทางการขายให้ลูกค้าเห็นสินค้าของเรามากขึ้น เท่านี้ก็เริ่มต้นได้แล้ว ถ้าหากพ่อค้า หรือแม่ค้าออนไลน์คนไหนกำลังมองหาขนส่งที่น่าเชื่อถือ และไว้ใจได้ สามารถแวะมาได้ที่ศูนย์การค้าเดอะ สตรีท รัชดา Logistic Hubs แหล่งรวมบริการขนส่งมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ไปรษณีย์ไทย, Kerry Express, J&T Express, DHL Express, Flash Express และ Fastship ให้ทุกคนเลือกใช้บริการได้ตลอด 24 ชั่วโมง