สไตล์การแต่งตัวเป็นการบ่งบอก และสะท้อนความเป็นตัวเอง อีกทั้งยังเป็นสิ่งที่สามารถบอกถึงคาแรกเตอร์ได้อีกด้วย โดยแต่ละคนก็จะมีสไตล์การแต่งตัวที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งปัจจุบันแฟชั่นเป็นเรื่องที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ง่าย ที่สำคัญแฟชั่นนั้น “ไม่มีถูกหรือผิด” แต่เป็นรสนิยมและความชอบส่วนตัว
แต่สำหรับใครที่ยังไม่แน่ใจ หรือหาความชอบของตัวเองไม่เจอ บทความนี้ ได้รวบรวมสไตล์การแต่งตัวผู้ชาย แบบต่างๆ มาให้ดูกัน
Smart Casual เป็นการแต่งตัวที่กึ่งทางการ แม้จะไม่เต็มยศขนาดใส่สูท ผูกเนกไท แต่ก็ยังอยู่ในระดับทางการด้วยการเลือกกางเกงขายาว แมตซ์กับเสื้อเชิ้ต พร้อมทั้งอาจจะมีเสื้อคลุมตัวนอกที่ทางการขึ้นมาหน่อย ซึ่งให้ความรู้สึกสบายๆ ถือเป็นสไตล์ที่เหมาะกับเมืองไทย ที่มีสภาพอากาศค่อนข้างร้อน ไม่ว่าจะไปออกเดทที่โรงแรมหรูระดับ 5 ดาว หรือไปงานวันสำคัญของเพื่อนหรือญาติคนสนิทสไตล์ Smart Casual นับเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดี
สำหรับสไตล์ Smart Casual จะหลีกเลี่ยงการสวมสูทที่มีความเป็นทางการ แต่จะเลือกเป็นเบลเซอร์ (Blazer) หรือแจ็กเก็ต (Jacket) เพื่อแมตซ์กับเสื้อเชิ้ต หรือเสื้อโปโลตัวโปรด ที่ให้ความรู้สึกเรียบง่าย
รูปแบบกางเกงที่หนุ่มสไตล์ Smart Casual ต้องมีติดตู้คือ กางเกงชิโน่ (Chinos) หรือกางเกงผ้าลินิน (Linen) ที่มีความเรียบง่าย แต่ก็ยังคงความสมาร์ทไว้ได้อย่างเหมาะสม แถมยังเป็นกางเกงที่สามารถระบายอากาศได้ดี ซึ่งเหมาะกับอากาศประเทศไทยอีกด้วย
รองเท้าโลฟเฟอร์ (Loafers) ถือเป็นรูปแบบรองเท้าที่เหมาะกับสไตล์การแต่งตัวผู้ชายแบบ Smart Casual เพราะมีความเป็นลำลอง กึ่งทางการ ที่สำคัญไม่ว่าจะแมตช์กับลุคแบบไหนก็ออกมาดูดี แต่หากคุณไม่ใช่สายโลฟเฟอร์ (Loafers) อาจจะเลือกสนีกเกอร์ (Sneakers) ในสไตล์เรียบง่าย อาจจะเน้นลักษณะที่เป็นหนัง สีพื้น ไม่มีลวดลายหรือสีสันที่ฉูดฉาดจนเกินไปก็ได้เช่นกัน
Smart Casual นับเป็นสไตล์ที่ไม่เน้นความเป็นทางการมากนัก เครื่องประดับก็อาจจะไม่จำต้องมีมากมาย เพียงแค่นาฬิกาสายหนังเรือนโปรด และกระเป๋าคลัชอีกสักใบ แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว
Classic Menswear เป็นสไตล์การแต่งตัวที่มีความเนี๊ยบกริบ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อ กางเกง ไปจนถึงรองเท้าจะต้องมีความหรูหรา ดูดีในทุกๆ องศา เรียกได้ว่าเป็นสุภาพบุรุษแบบไร้ที่ติ เมื่อสวมใส่แล้วทำให้รู้สึกดูมีอำนาจ น่าเกรงขาม นอกจากนี้สไตล์ Classic Menswear นับเป็นสไตล์ที่ผู้สวมใส่จำเป็นต้องใส่ใจในรายละเอียดในทุกๆ ดีเทลด้วย
หัวใจหลักของ Classic Menswear คงหนีไม่พ้นเสื้อสูท Bespoke ที่จำเป็นต้องอาศัยความชำนาญการของช่างฝีมือที่ให้ความสำคัญในเรื่อง Craftmanship เพื่อให้ได้สูทที่ตรงใจกับผู้สวมใส่ตั้งแต่เนื้อผ้า รูปแบบสูท โครงสูท ซับใน กระดุม หรือแม้กระทั่งเสื้อเชิ้ตเองหากคุณต้องการความเนี๊ยบแบบไร้ที่ติ การสั่งทำในลักษณะ Bespoke ก็สามารถทำได้เช่นกัน โดยทั่วไปเสื้อเชิ้ตที่จะพบในสไตล์ Classic Menswear คงหนีไม่พ้นเสื้อเชิ้ต Oxford สีขาวที่สามารถนำไปแมตช์ได้ดีกับสูททุกรูปแบบ ที่ใส่ออกมาแล้วมีความสง่างาม
หมดปัญหาเรื่องการหากางเกงตัวโปรดให้กับหนุ่มสไตล์ Classic Menswear เพราะสำหรับการตัดสูททุกครั้งกางเกงก็นับเป็นหนึ่งในเซตที่จำเป็นจะต้องตัดคู่กับสูท เพื่อความเป๊ะอย่างไรที่ติ อีกทั้งช่วยให้ Total Look ดูสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นด้วยการใช้เนื้อผ้า เฉดสี รูปทรงในรูปแบบ Bespoke
รองเท้าโลฟเฟอร์ (Loafers) นับเป็นรองเท้าคู่ใจของหนุ่มสไตล์ Classic Menswear ที่บ่งบอกความเป็นทางการได้ในรูปทรงที่คุณต้องการ หากต้องการความสมบูรณ์แบบการหารองเท้าแบบ Bespoke ก็สามารถตอบโจทย์หนุ่ม Classic Menswear ได้เป็นอย่างดี
เครื่องประดับที่ขาดไม่ได้ของหนุ่ม Classic Menswear คงหนีไม่พ้นเนกไทคู่ใจที่จะพร้อมเพิ่มสีสันความสนุกของหนุ่มๆ ได้อย่างไม่รู้จบ นอกจากนี้ การเลือก Tie Bar เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่จะเสริมภาพลักษณ์การผูกไทของคุณได้อย่างไรที่ติ อีกทั้งการเลือก Cufflink หรือกระดุมข้อมือ ที่แม้จะเป็นส่วนเล็กๆ ที่แทบจะไม่มีใครสังเกต แต่ก็เพิ่มความมีคลาสให้กับหนุ่มๆ ได้อย่างลงตัว
นับเป็นอีกหนึ่งสไตล์ที่ไม่เน้นรูปแบบหรือพิธีรีตองมากนัก โดยเริ่มนิยมในช่วงค.ศ. 1990 ส่วนมากจะเน้นไปที่แนว Casual สวมใส่ในชีวิตประจำวันแบบทั่วไป นับเป็นสไตล์ที่สามารถบ่งบอกอัตลักษณ์ของแต่ละบุคคลหรือแต่ละวัฒนธรรมย่อยได้เป็นอย่างดี แต่การแต่งตัวแนวสตรีท สามารถนำมามิกซ์แอนด์แมชท์ได้หลากหลาย ดังนี้
การแต่งตัวแนว Street นับว่าเป็นสไตล์ที่ไม่มีอะไรตายตัว โดยเฉพาะโทนสี ที่สามารถเลือกได้ตามความชอบส่วนบุคคล แต่จะเน้นไปที่การสวมเสื้อยืด หรือเสื้อฮู้ด รวมถึงเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีขาวโอเวอร์ไซส์
แฟชั่นไม่มีวันตาย หนึ่งในวลีที่เป็นความจริงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ใครจะไปรู้ว่ากางเกงทรงลุงหรือกางเกงขาบานจะกลับมาฮิตได้อีกครั้ง โดยเฉพาะสไตล์ Street นับเป็นอีกหนึ่งทรงกางเกงที่ฮิตเป็นอย่างมาก เพราะไม่ว่าจะนำมาแมตช์กับอะไรก็ลงตัวไปเสียหมด หรือกางเกงคาร์โก้หรือกางเกงทรงกระบอกที่มาพร้อมกระเป๋าหลายช่องก็เป็นอีกหนึ่งในตัวเลือกของสาย Street ที่นอกจากจะเพิ่มความทะมัดทะแมงให้กับผู้สวมใส่แล้ว ยังเสริมลุคสุดคูลอีกด้วย ที่ขาดไม่ได้เลยคือกางเกงยีนส์ทรงโอเวอร์ไซส์ เพียงแมตช์กับเสื้อหลวมๆ สักตัวก็ลงตัวสุดๆ
รองเท้าของสาย Street คงหนีไม่พ้นสนีกเกอร์ ที่สามารถเลือกได้ตามความชอบ ไม่ว่าจะเป็น สนีกเกอร์คลาสสิก สนีกเกอร์ข้อสูง และสนีกเกอร์ Chunky ก็สามารถสวมใส่แบบสตรีทแฟชั่นได้อย่างลงตัว
เครื่องประดับสำหรับสาย Street นั้นสามารถนำมาแมชท์ได้อย่างไร้ขอบเขต ไม่ว่าจะเป็นเรื่องประดับอย่างเครื่องเงิน หรือหมวกแบบต่างๆ เช่น หมวกไหมพรม หมวกบัคเก็ต และหมวกแก็ป อีกทั้งรูปแบบของกระเป๋าเองก็ไม่มีแบบแผนที่ตายตัว อาจจะเลือกจากสไตล์ที่ชอบเป็นหลัก ไม่ว่าจะกระเป๋าสะพายข้าง หรือกระเป๋าเป้ก็ลงตัว
เก่าแต่เก๋า เก่าแต่ไม่แก่! ด้วยสไตล์ Vintage นับเป็นหนึ่งในสไตล์ที่เหนือกาลเวลา ไม่ว่ายุคสมัยไหนเราก็ต่างพบเห็นได้อยู่เสมอ นับเป็นสไตล์ที่มีเสน่ห์ มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวสูง ไม่ว่าจะเนรมิตรลุคไปในลักษณะที่เป็นทางการหรือกึ่งทางการก็ได้เช่นกัน
เสื้อยืดสีพื้นไร้ลายหรือเสื้อโปโลสีพื้นนับเป็นอีกหนึ่งไอเทมที่ต้องมีติดตู้สำหรับหนุ่มสาย Vintage ไม่ว่าจะเป็นแขนสั้นหรือแขนยาวก็ล้วนแมตช์ได้อย่างลงตัว หรือเพิ่มความมีสีสันให้กับตัวเองด้วยเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีสันสดใสหรือ Cuban Collar ไอเทมจากยุค 50’s หรือจะต้องการความเป็นสุภาพบุรษด้วยชุดเสื้อสูทสไตล์วินเทจเข้าเซตกับกางเกงที่เน้นความสบายอย่างผ้าลินิน ก็สามารถออกงานสำคัญๆ ได้อย่างไม่ต้องเคอะเขิน
หากต้องการความสบายเพียงนำกางเกงชีโน่มาแมตช์กับเสื้อยืดหรือเสื้อโปโลสีพื้นก็นับเป็นตัวเลือกที่ลงตัว สำหรับใครที่ต้องการบอกความเป็นวินเทจในยุค 50’s อาจจะนำกางเกงยีนส์ตัวโปรดมาแมตช์กับเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีสันสดใสหรือ Cuban Collar ก็เป็นอะไรที่คลาสสิก หากอยากเพิ่มความแตกต่าง และความมีสีสันการนำกางเกงลายสก็อตมาแมตช์ก็เป็นอะไรที่น่าสนใจไม่ใช่น้อย
รองเท้าสไตล์ Vintage นั้นสามารถเลือกได้ตามความชอบและทรงที่ต้องการ โดยส่วนมากจะเป็นรองเท้าทรง Loafers, Sneakers, Boatshoes และ Oxfords นับเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการแต่งตัวสไตล์ Vintage ที่จะเน้นไปในโทนสีพื้นอย่างขาว ดำ เทา ครีม และน้ำตาล เพื่อส่งกลิ่นอายความคลาสสิกที่เหนือกาลเวลาได้อย่างไร้รอยต่อ
ไอเทมอย่างเครื่องประดับสำหรับสาย Vintage นับว่ามีให้เลือกอย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเน้นไปทางเครื่องเงิน หรือสายหนังก็ขึ้นอยู่กับความชอบ หากต้องการลุค Vintage แบบเห็นแวบแรกก็สามารถรู้ได้เลย การนำหมวกทรงปานามาหรือหมวกทรงเบเรต์มาแมตช์ก็นับเป็นอีกหนึ่งในไอเทมที่สาย Vintage ไม่ควรพลาด อีกทั้งยังสามารถนำผ้าเช็ดหน้าที่มีสีสันหรือลวดลายมาเป็นผ้าพันเพิ่มกิมมิกให้ Total Look ของคุณได้อีกด้วย
สไตล์ Sport เกิดขึ้นในยุค 80’s ซึ่งนับว่าเป็นช่วงเฟื่องฟูของวงการกีฬา จึงเกิดกระแสการแต่งตัวที่มีความคล้ายนักกีฬาเกิดขึ้น อีกทั้งยังกลับมาเป็นกระแสอีกครั้งในยุค 90’s มาจวบจนถึงปัจจุบัน
เสื้อผ้าในสไตล์ Sport Wear มักนิยมเป็นเสื้อวอร์มแขนยาว ทั้งนี้อาจจะเลือกตามรูปแบบ และความชอบ หากต้องการลุค Sport การสวมใส่เสื้อวอร์มโอเวอร์ไซส์ก็เป็นตัวเลือกที่ดี หากใครต้องการความทะมัดทะแมงดู Smart Look อาจจะต้องเลือกไซส์ที่พอดีกับตัว ไม่ว่าจะสวมแบบรูดซิปหรือใส่ทับกับเสื้อยืดก็ขึ้นอยู่กับความชอบ หรือจะเป็นการนำ T-shirt แบบโอเวอร์ไซส์แขนสั้นในรูปแบบเสื้อบาสก็เท่ไปอีกแบบ
ทรงกางเกงยอดฮิตของ Sportswear คงหนีไม่พ้น Jogger Pants จุดเด่นกางเกงวอร์ม เป็นกางเกงทรงเข้ารูปและการจั๊มพ์บริเวณปลายขา เพื่อให้ดูลุค Sport จำเป็นต้องเลือกไซส์ที่มีขนาดพอดีกับตัว หรือจะเลือกสวมใส่เป็นกางเกง Track Pants ซึ่งเป็นกางเกงวอร์มรูปแบบหนึ่ง ที่มีลักษณะเด่นคือมีลายพาดแถบข้าง ตั้งแต่ช่วงเอวไปจนถึงปลายขากางเกง โดยมี 2 รูปทรงให้เลือกได้แก่ Slim Fit ที่ค่อนข้างเข้ารูปและ Straight ที่เป็นขาทรงกระบอก ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความชอบ อีกทั้งยังมีให้เลือกได้ทั้งขาสั้นขายาว
รองเท้า Sportswear คงหนีไม่พ้นสนีกเกอร์ (Sneakers) แต่ทั้งนี้ไม่ใช่สนีกเกอร์ทุกรูปแบบที่จะนำมาแมตช์กับ Sport Look ได้ อาจจำเป็นต้องเลือกรูปแบบรองเท้ามีให้กลิ่นอายความเป็นนักกีฬา ในปัจจุบันนั้นแบรนด์รองเท้าต่างๆ ต่างจัดจำหน่ายในลักษณะนี้อย่างแพร่หลาย ให้คุณเลือกแมตช์ได้แบบไม่จำเจ
เครื่องประดับสำหรับหนุ่มสาย Sport คงหนีไม่พ้นนาฬิกา Sport Watch ที่ช่วยให้ลุคมีความเป็นนักกีฬา หากหนุ่มคนไหนอยากไปให้สุดการนำ Headband หรือที่คาดหัวสำหรับนักกีฬาก็จะยิ่งทำให้ลุค Sport ของคุณดูสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น
เรียบง่ายตามสไตล์หนุ่มเกาหลีกับลุค Korean Minimal นับว่าเป็นธีมที่เรียบง่าย ไม่ว่าหนุ่มๆ คนไหนก็สามารถนำไปปรับใช้ได้ โดยหัวใจหลักของสไตล์ Minimal ก็คือรูปแบบ และสี ที่อาจจะมีเพียง 1-2 โทนสี และลวดลายที่เรียบง่ายที่สุดอย่างลายทางก็เพียงพอแล้ว
สไตล์เสื้อของหนุ่มสไตล์ Minimal จะเน้นไปที่เสื้อเชื้ตคอกลม หรือสีเชิ้ตที่ไม่เน้นสีสัน โดยจะเน้นสีพื้นเป็นหลัก หากใครยังคิดไม่ออกว่าจะเลือกสีพื้นโทนไหนให้เหมาะกับคุณ สามารถเลือกสีได้ตาม Personal Color ผู้ชาย ที่สำคัญต้องหลีกเลี่ยงลวดลาย และสีสันที่จัดจ้าน แต่เป็นกราฟิกในรูปแบบตัวอักษร หรือลายทางได้
กางเกงสไตล์ Minimal จะเน้นไปที่ความเรียบง่ายของรูปทรง และสีสันเป็นหลัก โดยสามารถเลือกสวมใส่ได้ทั้งขาสั้นและขายาว วัสดุที่เลือกก็ไม่จำเป็นต้องทางการมากนัก แค่รูปแบบผ้าหรือยีนส์ที่มี Pattarn เรียบๆ ก็แมตช์กันได้อย่างลงตัว
สำหรับรองเท้าที่เหมาะกับแนวแต่งตัวแบบนี้ก็คงหนีไม่พ้นรองเท้าสนีกเกอร์ (Sneaker) ที่สวมใส่สบาย แต่เน้นเลือกใช้รองเท้าที่มีโทนสีพื้นเป็นหลักอย่างสีเทา สีขาว สีกรมท่า และสีดำ เป็นต้น
นับเป็นอีกหนึ่งสไตล์ที่ไม่เน้นความอู่ฟู่ ทั้งนี้ เครื่องประดับที่นำมาสวมใส่นั้นอาจจะขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคล บางคนอาจจะใส่สร้อยเส้นเล็กๆ หรือสวมแหวนเกลี้ยงๆ สักวง แต่จะไม่สวมใส่เครื่องประดับก็สามารถทำได้เช่นกัน
ดื่มด่ำกับการเป็นหนุ่ม High School กับแฟชั่น Preppy ที่มีต้นกำเนิดจากนักศึกษามหาวิทยาลัยชั้นนำของอเมริกา จนกลายมาเป็นแฟชั่นที่เป็นเอกลักษณ์ของคนชนชั้นกลางระดับสูงไปถึงชนชั้นสูง ที่รู้จักในชื่อสไตล์ “Ivy League” หรือการแต่งตัวของนักศึกษามหาวิทยาลัยชั้นนำ เช่น Harvard, Princeton และ Yale เป็นต้น
การใส่เสื้อ 2 ชั้นนับเป็นเอกลักษณ์ของสไตล์ Preppy โดยชั้นแรกจะเป็นเสื้อเชื้ตคอปกหรือเสื้อโปโล สวมทับด้วยเสื้อไหมพรมหรือสเวตเตอร์ Cable Knit โดยอาจจะนำแขนเสื้อมาพันหลวมๆ ไว้รอบบ่าก็ให้ความรู้สึกของหนุ่ม Preppy ที่เพิ่งออกมาจากคลับเทนนิสหรือเสื้อ Sport Jacket เพิ่มลุคความเป็นตัวเก๋า
สำหรับประเทศไทยการแต่งตัวสไตล์ Preppy อาจจะดูร้อนเกินไป ดังนั้น ควรเลือกกางเกงชีโน่ (Chinos) ที่มาพร้อมคุณสมบัติพิเศษที่สามารถระบายอากาศได้ดี เพื่อที่การสวมใส่จะได้เหมาะกับสภาพพื้นที่ และสนุกไปกับการแต่งตัวได้อย่างเต็มที่
รองเท้าสไตล์ Preppy จะเน้นไปที่รองเท้าหนังแบบ Slip On หรือโลฟเฟอร์ (Loafers) หากต้องการใส่สนีกเกอร์ (Sneakers) อาจจะต้องเลือกรูปแบบที่มีสีสันไม่ฉูดฉาด ดีไซน์เรียบ เน้นความคลาสสิก
นับเป็นสไตล์ที่แทบจะไม่จำเป็นต้องสวมใส่เครื่องประดับเลยก็ว่าได้ เพราะเป็นสไตล์ที่จะเน้นความเรียบง่าย โดยจะเน้นเพียงโทนสีอย่าง สีกรมท่า สีน้ำเงิน สีขาว และสีครีม เป็นต้น หรืออาจจะเพิ่มแว่นตาสักหน่อย ก็จะช่วยทำให้มีความเนิร์ดมากขึ้น
การแต่งตัวเป็นรสนิยมและความชอบ แต่ละคนก็จะมีรูปแบบในการแต่งตัวแตกต่างกันออกไป แม้จะเป็นผู้ชายก็สามารถสนุกกับการแต่งตัวได้ ไม่ว่าจะเลือกจับนั้นนี้มามิกซ์แอนด์แมตช์ให้ดูดี และลงตัว สำหรับหนุ่มๆ ที่อยากจะเปลี่ยนลุค หาแนวทางในการแต่งตัว แต่ไม่ชำนาญกับสไตล์การแต่งตัวผู้ชายแบบต่างๆ เลย และมีคำถามว่าลุคแต่งตัวผู้ชายมีอะไรบ้าง หรือมีแนวแต่งตัวผู้ชายอะไรบ้าง บทความนี้ก็ได้แนะนำสไตล์การแต่งตัวชายไปแล้วถึง 7 สไตล์ ซึ่งสามารถลองแต่งได้ตามชอบได้เลย แต่สำหรับใครที่มองหาสถานที่ซื้อเสื้อผ้าต้องแวะมาที่ศูนย์การค้าเดอะ สตรีท รัชดา Activity Center แหล่งรวมแฟชั่นในย่านรัชดา ที่มีร้านขายเสื้อผ้าให้เลือกช็อปหลากหลายแนว ไม่ว่าจะเป็น Minishop Zone และ Discount Outlet ใน โซน Activity Center / Shopping & Fashion ชั้น 2 นอกจากนี้ ที่นี่ยังมีตลาดนัดกลางคืนเดอะ สตรีท รัชดา ที่มีเสื้อผ้าให้เลือกหลากหลายสไตล์ ซึ่งสามารถตอบโจทย์การแต่งตัวได้หลายลุคแน่นอน