หลายคนอาจจะคุ้นเคยกับอาหารฮ่องกง และอาหารจีนในกลุ่มต่างๆ เช่น อาหารจีนเสฉวนที่ขึ้นชื่อเรื่องหมาล่า หรือเมนูเป็ดปักกิ่ง ซึ่งมีรสชาติที่กลมกล่อมตามลักษณะเด่นของอาหารมณฑลเจียงซู เป็นต้น เพราะอาหารจีนทั้ง 8 มณฑล มีรสชาติเป็นเอกลักษณ์ และดีต่อสุขภาพ รวมถึง มีกรรมวิธีการทำที่พิถีพิถัน และผสมผสานรสชาติต่างๆ ได้อย่างลงตัว
บทความนี้ จะแนะนำอาหารจีน 8 กลุ่มใหญ่ ว่าแต่ละกลุ่มมีความแตกต่างกันอย่างไร รวมถึง ประวัติอาหารจีน และวัฒนธรรมการกินของชาวจีน ไม่แน่ว่าถ้าอ่านบทความนี้จบ คงต้องลองสั่งมาลองชิมกันเลยล่ะ
ชาวจีนแต่ไหนแต่ไรมามีความผูกพันกับอาหารการกินมาก จนเมื่อเกิดปัญหาขาดแคลนอาหาร หรือช่วงข้าวยากหมากแพง ก็เลยต้องคิดค้นวิธีถนอมอาหารขึ้นมา เพราะทรัพยากรที่จำกัด แถมประเทศจีนยังเป็นประเทศที่มีภูมิประเทศที่หลากหลาย จึงมีพืชที่แตกต่างกันออกไปตามแต่ละพื้นที่ กรรมวิธีในการทำอาหาร และแนวคิดเบื้องหลังการทำอาหารของชาวจีนแต่ละมณฑลก็จะต่างกัน นอกจากนี้ อาหารจีนยังสะท้อนผ่านทางปรัชญา และวรรณคดีต่างๆ อีกด้วย ทำให้นักปราชญ์ในอดีตส่วนใหญ่จะมีความสามารถในการประกอบอาหารด้วยเช่นกัน
ชาวจีนส่วนใหญ่จะทำอาหารจากวัตถุดิบในแต่ละพื้นที่ของตนเอง ที่สามารถปลูกได้ หรือผลิตได้ เช่น ข้าว หมั่นโถว ซาลาเปา หรือก๋วยเตี๋ยว เป็นต้น โดยอุปกรณ์ที่สำคัญสำหรับการทำครัวที่ต้องมี คือ เขียง มีด กระทะก้นลึก ตะหลิว เนื่องจากเคยประสบกับปัญหาการขาดแคลนอาหาร ชาวจีนจึงคิดวิธีที่ทำให้อาหารสุกเร็วๆ โดยใช้มีดหั่นผักหรือเนื้อให้มีขนาดเล็ก ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญที่พ่อครัวจีนพึงมี คือ ต้องสับได้อย่างรวดเร็ว และได้ขนาดที่เหมาะสม เพราะหากขนาดไม่ถูกต้อง จะทำให้อาหารสุกไม่เสมอกันได้ นอกจากนี้ พ่อครัวจะต้องรู้เรื่องความแรงของไฟ ควบคุม และแยกแยะความแรงไฟได้ รวมไปถึงต้องเข้าใจการถ่ายเทความร้อนผ่านน้ำ น้ำมัน หรืออากาศ เพราะมีผลต่อความสุกและรูปทรงของอาหาร
โดยอาหารจีนจะมีการแบ่งอาหารออกเป็นกลุ่มๆ ตามแต่ละภูมิภาค ดังนี้
วัฒนธรรมการกินของชาวจีนนั้นจะแบ่งได้ตามยุคสมัย ตามเทคนิคการประกอบอาหาร ตามพื้นที่ต่างๆ และการเน้นกินเพื่อสุขภาพ และเพื่อบำรุงร่างกาย กล่าวคือ การกินอาหารเพื่อเป็นยานั่นเอง โดยวัฒนธรรมการกินของชาวจีนเริ่มมาตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์ จากการกินดิบสู่การใช้ไฟในการปรุงอาหารสุก เมื่อถึงช่วงยุคหรือราชวงศ์ต่างๆ ได้มีการปรับเปลี่ยนดังนี้
นอกจากนี้ ในวัฒนธรรมการกินของชาวจีน เมื่อถึงช่วงงานเลี้ยง การให้ความสำคัญ หรือจัดแบบยิ่งใหญ่มากน้อยแค่ไหน สามารถดูได้จากรายการอาหารในงาน เพราะอาหารจะเป็นตัวบ่งบอกถึงการให้เกียรติแขกที่มาร่วมงาน ยกตัวอย่างเช่น การเลือกใช้รังนกในรายการอาหาร เนื่องจากรังนกเป็นวัตถุดิบที่หาได้ยากมาก เพราะทำมาจากน้ำลายของนกนางแอ่นที่พ่อนกและแม่นกจะสร้างขึ้นมาในตอนที่จะสร้างรังเพื่อวางไข่ ซึ่งในการนำมาทำอาหารจำเป็นต้องได้ปริมาณที่มากพอ และจะมีลักษณะเป็นเมือกใสและเหนียว ที่พอตอนแห้งแล้วจะสานติดกันเป็นแผ่น เอาไว้วางไข่ หรือฟักไข่ได้ รวมถึง ชาวจีนยังเชื่อว่ารังนกเป็นอาหารบำรุงกำลังอีกด้วย หากมีรังนกอยู่ในรายการนั่นอาจเป็นงานเลี้ยงที่ใหญ่โต
เมื่อเราทราบประวัติความเป็นมาของอาหารจีน และวัฒนธรรมการกินของอาหารจีนกันเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้เรามาดูกันว่าอาหารจีน 8 กลุ่มใหญ่นั้นจะมีอะไรบ้าง โดดเด่นในเรื่องของอะไร และใช้วัตถุดิบอะไร มาดูกันเลย
อาหารชานตง (Shandong Cuisine) เป็นตัวแทนจากภาคเหนือ ซึ่งจะโดดเด่นในเรื่องของอาหารในราชสำนัก และอาหารที่มีอิทธิพลมาจากชาวแมนจู และชาวมองโกลเข้าด้วยกัน มักใช้เกลือในการปรุง เพื่อชูรสชาติขึ้น จึงมีรสเค็ม และส่วนใหญ่จะใส่ต้นหอม ขิง และกระเทียม เพื่อเพิ่มความหอมให้กับอาหาร นอกจากนี้ อาหารชานตงยังมีสรรพคุณช่วยรักษาโรคได้ด้วย อาหารชานตงอาจจะไม่เหมาะกับคนที่ไม่ชอบรสเค็ม หรือคนที่ไม่ชอบกลิ่นผัดกลิ่นฉุน โดยอาหารที่นิยมกินกันจะเป็น
อาหารเสฉวน (Sichuan Cuisine) จะโดดเด่นในเรื่องของวัตถุดิบของป่า และเครื่องเทศต่างๆ โดยเครื่องปรุงที่เป็นเอกลักษณ์นั่นก็คือ พริกหอมหรือพริกเสฉวน ทำให้อาหารเสฉวนจะเป็นอาหารรสจัด เผ็ดร้อน และใช้น้ำมันปริมาณมาก เพราะฉะนั้น คนที่ไม่สามารถกินเผ็ดได้จึงไม่ขอแนะนำ และไม่เหมาะกับคนที่ไม่ชอบของมันๆ โดยอาหารที่นิยมกินกันจะเป็น
อาหารกวางตุ้ง (Guangdong Cuisine หรือ Cantonese Cuisine) จะโดดเด่นในเรื่องของความกรอบ และรสชาติที่หวาน นุ่มนวล มักจะใช้น้ำมันหอย และใช้ผักเป็นส่วนใหญ่ เน้นรูปลักษณ์ รสชาติ กลิ่นที่หอม สีสันน่ารับประทาน เน้นการปรุงให้ดูสดใหม่ บางเมนูจะคล้ายอาหารจีนในไทย เป็นอาหารที่เหมาะกับทุกคน เพราะรสชาติจะไม่ได้โดดไปทางใดทางนึง แต่ถ้าหากปกติกินรสจัดอยู่แล้วอาจจะรู้สึกว่ามันจืดได้ โดยอาหารที่นิยมกินกันจะเป็น
อาหารเจียงซู (Jiangsu Cuisine) จะโดดเด่นในเรื่องของการตกแต่ง การเล่นสีสันของอาหาร รสชาติจะไม่หนัก จะออกจืด แต่หอมเนย ในมณฑลเจียงซูเป็นพื้นที่ที่ค่อนข้างอุดมสมบูรณ์ วัตถุดิบค่อนข้างหลากหลาย โดยเฉพาะอาหารทะเล เหมาะกับผู้ที่ชอบทานรสจัดมากนัก โดยอาหารที่นิยมกินกันจะเป็น
อาหารเจ้อเจียง (Zhejiang Cuisine) จะโดดเด่นในเรื่องของอาหารทะเล สัตว์น้ำจืด สัตว์ปีก จะเน้นไปที่ความกรอบนอกนุ่มใน และวัตถุดิบสดใหม่ โดยเฉพาะอาหารทะเล จะเน้นการปรุงเพียงนิดเดียว เพื่อคงรสชาติของวัตถุดิบเดิมเอาไว้ ซึ่งเป็นรสชาติกลางๆ ที่ทุกคนสามารถกินได้ โดยอาหารที่นิยมกินกันจะเป็น
อาหารฮกเกี้ยน หรืออาหารฝูเจี้ยน (Fujian Cuisine) จะโดดเด่นในเรื่องของการใช้น้ำซุป ข้าวหมักสีแดงที่ได้จากการหมักเต้าหู้ยี้สีแดง อาหารฮกเกี้ยนเกิดในมณฑลฝูโจวซึ่งมีภูมิศาสตร์ตอนเหนือเป็นภูเขา และทางตอนใต้ติดทะเล ทำให้มีวัตถุจำพวกของป่า เช่น เห็ด หน่อไม้ และยังเต้มไปด้วยของทะเลอีกด้วย อาหารส่วนใหญ่จะด้วยบำรุงร่างกายซึ่งดีต่อสุขภาพ และเหมาะกับทุกคน โดยอาหารที่นิยมกินกันจะเป็น
อาหารหูหนาน (Hunan Cuisine) จะโดดเด่นในเรื่องของการใช้วัตถุที่หลากหลาย ใช้เครื่องอบหลายชนิด โดยรสชาติส่วนใหญ่จะค่อนไปทางเผ็ดร้อน เค็ม เปรี้ยว และใช้น้ำมันปริมาณมาก มีสีสัน มีความละเอียดประณีตบรรจงในกรรมวิธีปรุงอาหาร ดังนั้น จึงอาจไม่เหมาะกับคนที่ไม่ชอบอาหารมันๆ และคนที่ไม่กินเผ็ด โดยอาหารที่นิยมกินกันจะเป็น
อาหารอันฮุย (Anhui Cuisine) จะโดดเด่นด้านสีสัน เน้นความมันๆ และรสที่กลมกล่อม และใช้วัตถุดิบที่สดใหม่ เน้นความแรงของไฟและกรรมวิธีที่หลากหลายในการทำด้วยวิธีต้ม ตุ๋น นึ่ง เป็นหลัก โดยอาหารที่นิยมกินกันจะเป็น
อาหารจีน 8 กลุ่มใหญ่นั้นมีรสชาติ กรรมวิธีในการทำ และเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันไปตามแต่ละกลุ่ม แต่ว่าทุกกลุ่มนั้นก็มีรสชาติที่อร่อยเป็นเอกลักษณ์ที่อยากให้ลิ้มลอง เพราะฉะนั้น หากใครที่อ่านจนจบบทความแล้วรู้สึกอยากกินอาหารจีนขึ้นมา ก็สามารถแวะมาได้ที่ศูนย์การค้าเดอะสตรีท รัขดา 8 Food Destination แหล่งรวมอาหารจีน อาทิ ร้าน Little Hong Kong ร้านข้าวมันไก่สามพี่น้อง และร้านบะหมี่เกี๊ยวกุ้งฮ่องกง by Chef A.J. ชั้น B ภัตตาคารเสฉวน ชั้น G ที่พร้อมให้ทุกคนได้แวะเวียนมาลิ้มลองได้ตลอด 24 ชั่วโมง