การร้องเพลงก็คือศิลปะอีกแขนงหนึ่งที่จรรโลงใจให้มนุษย์ สร้างสีสันใหม่ให้ความรู้สึก รวมถึงสะท้อนความคิดและความรู้สึก โดยอาศัยเสียงของคนร้องที่ถ่ายทอดความรู้สึกไปยังผู้ฟังให้สัมผัสได้ถึงอารมณ์เพลง ซึ่งเป็นศิลปะที่ง่ายต่อการสัมผัสถึง และสามารถมีความรู้สึกร่วมได้ทันทีตอนที่ได้ฟัง แน่นอนว่าการร้องเพลงเพื่อถ่ายทอดอารมณ์ไปยังคนฟังนั้นต้องอาศัยการฝึกซ้อม ด้วยวิธีการร้องเพลงหลากหลายรูปแบบ ซึ่งวิธีฝึกร้องเพลงเสียงสูง ก็เป็นอีกหนึ่งรูปแบบการร้องเพลงที่อาศัยการฝึกฝนจนชำนาญ บทความนี้จะมาแนะนำเทคนิคการร้องเพลงเสียงสูง ให้ทรงพลัง ถูกต้องและถูกวิธี ตั้งแต่ขั้นพื้นฐานกันเลย
ว่ากันในเรื่องของคีย์ดนตรี ที่ทำให้ระดับเสียงของดนตรีสูง-ต่ำไม่เท่ากัน ระดับเสียงของนักร้องก็มีความสูง-ต่ำไม่เท่ากันเช่นเดียว โดยระดับเสียงร้องของมนุษย์สามารถแบ่งออกได้ทั้งหมด 6 ประเภทด้วยกัน โดยเรียงจากเสียงสูงไปหาเสียงต่ำ ดังนี้
ผู้หญิง: โซปราโน (Soprano) เมซโซโซปราโน (Mezzo-soprano) และอัลโต (Alto)
ผู้ชาย: เทเนอร์ (Tenor) บาริโทน (Baritone) และเบส (Bass)
สำหรับความแตกต่างระหว่างการร้องเพลงเสียงสูงกับการร้องเพลงคีย์ทั่วไปก็จะแตกต่างกันอย่างชัดเจนในเรื่องของคีย์และระดับเสียง ซึ่งกลุ่มนักร้องเสียงสูงทั้งผู้หญิงและผู้ชายจะสามารถเลือกระดับเสียงที่ตนเองถนัดและตรงกับช่วงเสียงของตัวเองได้ด้วย Vocal Ranges ซึ่งมีบางกรณีที่ฝ่ายหญิงหรือชายสามารถร้องเพลงได้หลายระดับ เช่น ผู้หญิงบางคนสามารถร้องโทนเสียงในระดับ Bass ได้ หรือผู้ชายสามารถฝึกร้องเสียงสูงสุดอย่างโซปราโน (Soprano) ได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตามข้อแตกต่างระหว่างการร้องเพลงเสียงสูงกับการร้องเพลงคีย์ทั่วไปอีกข้อ คือประเภทของเพลงที่เหมาะสม โดยเสียงสูงจะเป็นเสียงที่มีความอ่อนนุ่ม มีความกระจ่างใส และเป็นเสียงที่มีความโรแมนติก จึงนิยมนำมาใช้ในเพลงเศร้าและเพลงรักหวานๆ อย่างแนวเพลงประเภทป๊อป พังก์ร็อก และบัลลาด เพราะเสียงสูงจะสร้างอารมณ์ให้กับเพลงได้เป็นอย่างดี ตัวอย่างเพลงที่ใช้เสียงสูงจะมีเพลง Someone Like You ของ Adele และ Perfect ของ Ed Sheeran
ส่วนเสียงกลางจะใช้เสียงที่แน่นกว่าเสียงสูง สามารถสะท้อนอารมณ์หม่นๆ ออกมาได้ดีกว่า รวมถึงสามารถส่งอารมณ์ที่มันเข้มข้นไปยังคนฟังได้ง่ายกว่า ทำให้เสียงนี้ยังนิยมร้องในกลุ่มนักร้องสายดราม่า ตัวอย่างเพลง เช่น เพลง I Will Always Love You ของ Whitney Houston และ Poker Face ของ Lady Gaga
การร้องเสียงสูงให้ได้ต้องอาศัยการฝึกฝนอย่างถูกวิธีและต้องฝึกร้องเสียงสูงจนชำนาญ เพราะหากฝึกร้องเสียงสูงผิดวิธีหรือไม่ถูกต้อง อาจทำให้เสียงที่เปล่งออกมานั้นดูเหมือนตะโกนหรือบางครั้งเกิดอาการเสียงแหบ เสียงหาย หรือเสียงหลงได้ ซึ่งการร้องผิดๆ ที่ทำให้ร้องเสียงสูงไม่ได้ มักเกิดจากสาเหตุต่อไปนี้
สำหรับการร้องเพลงทุกรูปแบบ กล่องเสียงของนักร้องควรจะอยู่ในตำแหน่งเดิมไม่ว่าตัวของนักร้องกำลังใช้เสียงคีย์อะไรอยู่ ดังนั้นการยกกล่องเสียงขึ้นตอนร้องเสียงสูงหรือการเลื่อนกล่องเสียงลงเวลาใช้เสียงต่ำจึงเป็นการร้องที่ผิดวิธี รวมถึงการยกศีรษะ เงยหน้าหรือแหงนหน้าขึ้น และการจัดท่าทางของร่างกายก็เป็นสาเหตุที่ทำให้กล่องเสียงเคลื่อนที่ ซึ่งจะเป็นตัวขัดขวางการร้องเสียงสูงของตัวเองนักร้องนั่นเอง
วิธีฝึกร้องเพลงเสียงสูงสิ่งสำคัญเลยคือการวอร์มเสียง เพราะการวอร์มก็เหมือนเป็นการยืดเส้นเสียง ทำให้เส้นเสียงผ่อนคลาย ลดการบาดเจ็บ รวมถึงยังช่วยทำให้เสียงร้องของเราแข็งแรงมากขึ้นอีกด้วย โดยเฉพาะการฝึกร้องเสียงสูง เป็นการใช้โน้ตคีย์สูงในการร้อง ทำให้นักร้องต้องใช้ความพยายามมากขึ้นในการไต่คีย์ขึ้นไปจึงทำให้รู้สึกไม่สบายเวลาร้อง เมื่อไรก็ตามที่นักร้องไม่วอร์มเสียงก่อนร้องเสียงสูงอาจทำให้ไต่คีย์ไม่ถึง เสียงร้องอ่อนแอ และขึ้นเสียงสูงไม่ได้
อาการเกร็งบริเวณกล้ามเนื้อภายในร่างกายของเราก็สามารถส่งผลกระทบต่อการร้องเสียงสูงได้เช่นกัน ยกตัวอย่าง เช่น อาการเกร็งบริเวณไหล่ ก็อาจส่งผลให้กล่องเสียงของนักร้องถูกบีบก่อนเริ่มร้องเพลง รวมไปถึงการเกร็งบริเวณหน้าท้องมากเกินไป ก็ทำให้ลมหายใจไม่สามารถเคลื่อนผ่านสายเสียงได้อย่างเป็นอิสระ ซึ่งทุกส่วนของร่างกายมนุษย์เราล้วนเชื่อมต่อกัน ดังนั้นก่อนร้องเสียงสูงจึงควรมีการผ่อนคลายร่างกาย เพื่อให้นักร้องสามารถเปล่งเสียงร้องได้ดีขึ้น และร้องเสียงสูงได้ง่ายขึ้น
แน่นอนว่าอาการประหม่าก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ร่างกายเกิดอาการเกร็งได้ เพราะในเวลาที่นักร้องเกิดอาการประหม่า โดยเฉพาะในเวลาที่ร้องเพลงในเสียงที่สูงขึ้นมักจะเกิดอาการเกร็ง จนในท้ายที่สุดไม่สามารถขึ้นเสียงสูงได้ ดังนั้นในการเริ่มร้องเพลง นักร้องควรปรับ Mindset ในการร้องเพลงก่อน โดยเปลี่ยนการประหม่าที่มีให้กลายเป็นการฮึดสู้แทน รวมไปถึงควรมั่นใจในการฝึกซ้อมเทคนิคการฝึกร้องเพลงเสียงสูงของตัวเอง จะทำให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลายและสามารถขึ้นเสียงสูงได้ง่ายมากขึ้น
หนึ่งในอุปสรรคของการฝึกร้องเสียงสูงให้ดีขึ้น คือการบีบเสียงในลำคอซึ่งเป็นพฤติกรรมการร้องเพลงที่ผิดและทำให้สร้างอุปนิสัยที่ไม่ดีในการร้องเพลง เพราะเมื่อไรก็ตามที่นักร้องบีบเสียงออกจากคอจะทำให้เส้นเสียงตึงและเสียหายได้ โดยนักร้องที่ไม่รู้เทคนิคการฝึกร้องเพลงเสียงสูงมักจะบีบคอเพื่อเค้นเสียงให้สูงขึ้น จนกลายเป็นการร้องแบบตะโกนหรือกรีดร้องออกมาแทน จนทำให้เสียงที่เปล่งออกมาทำให้เสียงไม่มีพลัง รวมถึงร้องเสียงสูงไม่ได้อีกด้วย
หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมเมื่อร้องเสียงสูงแล้วเกิดอาการเสียงหายหรือเสียงแตก สาเหตุที่เกิดอาการดังกล่าวอาจเป็นเพราะว่าเลือกเพลงไม่ได้อยู่ในเรนจ์เสียงของตัวเอง หรือเลือกโน้ตสูงเกินไป จนอาจทำให้เสียงเปล่งออกมาแตกหรือเสียงหายได้ โดยเฉพาะกรณีที่ร้องเสียงสูง เส้นเอ็นในกล่องเสียงจะมีการยืดและพับอยู่ตลอดเวลา ซึ่งหากเอ็นไม่แข็งแรงพอหรือถูกกดดันมากเกินไป จึงทำให้เส้นเสียงสั่นอย่างไม่เหมาะสม กลายเป็นที่มาของเสียงที่แตกหรือหายชั่วขณะในเวลาที่ร้องเสียงสูงขึ้น
สำหรับคนที่มีเสียงต่ำสามารถฝึกร้องเพลงเสียงที่สูงขึ้นได้ แต่ทั้งนี้ต้องเกิดจากการรู้เทคนิคการฝึกร้องเพลงเสียงสูงหรือรู้วิธีฝึกร้องเพลงเสียงสูง โดยจำเป็นต้องได้รับคำแนะนำจากครูผู้สอนอย่างถูกต้อง ได้รับการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงต้องผ่อนคลายร่างกาย ไม่เกร็งร่างกายจะทำให้นักร้องสามารถร้องเพลงในเสียงที่สูงขึ้นได้อย่างแน่นอน
เชื่อหรือไม่? ว่าทุกคนก็สามารถร้องเพลงเสียงสูงให้ทรงพลังขึ้นได้ โดยต้องอาศัยการฝึกร้องเสียงสูงอย่างถูกวิธี โดยมีแบบฝึกหัดวิธีฝึกร้องเพลงเสียงสูงมาให้ทุกคนได้ลองฝึกกัน ซึ่งหากปฏิบัติตามนี้ ทุกคนอาจจะสามารถร้องเสียงสูงให้ทรงพลังได้อย่างแน่นอน
การออกกำลังกาย เป็นเทคนิคการฝึกร้องเพลงเสียงสูงที่มีความสำคัญและจำเป็นอย่างมาก โดยนักร้องทุกคนควรออกกำลังกายเป็นประจำควบคู่ไปกับการฝึกร้องเพลง เพราะการออกกำลังกายจะช่วยเพิ่มพลังลมและช่วยควบคุมในเรื่องของการหายใจ ทำให้นักร้องสามารถร้องเพลงเสียงสูงได้ดีขึ้น โดยการออกกำลังกายเอื้อประโยชน์ในการร้องเพลงหลายๆ เรื่อง เช่น การหายใจเก็บลมหรือการแบ่งลมในช่องท้องเวลาที่ร้องเพลง การฟอกออกซิเจนในปอดเพื่อช่วยในการควบคุมเสียงร้องในตอนที่เหนื่อย
อย่างที่กล่าวไปแล้วในการตอนต้น การวอร์มเสียงก่อนร้องเพลงเป็นเหมือนการยืดเส้นเสียงซึ่งจะมีลักษณะคล้ายกับการยืดกล้ามเนื้อก่อนที่จะออกกำลังกาย โดยจะช่วยทำให้เสียงของนักร้องมีความแข็งแรง ลดการบาดเจ็บที่อาจเกิดขึ้นกับเส้นเสียง ดังนั้นนักร้องควรวอร์มเสียงก่อนร้องเพลงประมาณ 15-20 นาที จะทำให้เสียงแข็งแรงขึ้นและร้องเพลงที่สูงขึ้นได้
อีกหนึ่งเทคนิคการฝึกร้องเพลงเสียงสูง คือการฝึกควบคุมลมออกจากท้อง เป็นเทคนิคการโปรเจกต์เสียงออกมาจากในท้อง โดยสามารถฝึกได้ด้วยการหายใจและเก็บลมไว้ในช่องท้อง ซึ่งใช้การหายใจเข้าเพียงแค่ครั้งเดียวและเก็บลมส่วนหนึ่งไว้ในท้อง อีกส่วนหนึ่งจะถูกเก็บไว้ในปอดและลำคอ แล้วค่อยปล่อยออกมาทีละช้าๆ ตามจำนวนที่เราแบ่งไว้สำหรับการฝึกควบคุมลม ควรฝึกเป็นประจำจะช่วยให้นักร้องสามารถร้องเสียงสูงได้ดีมากยิ่งขึ้น
อย่างที่กล่าวไปแล้วในตอนต้นว่า Range เสียง คือช่วงเสียงหรือระดับความกว้างของเสียงตั้งแต่ต่ำสุดจนไปถึงสูงสุด โดยนักร้องทุกคนควรรู้ความกว้างของช่วงเสียงตัวเอง โดยหากเป็นคนที่มีเรนจ์เสียงกว้างจะร้องคีย์สูง-ต่ำได้กว้างกว่า แต่ไม่ใช่ทุกคนที่่จะมีเรนจ์เสียงกว้าง เพราะบางคนที่เรนจ์เสียงกว้างไม่มากพอ เวลาร้องเสียงสูงเส้นเสียงจะถูกบีบทำให้เสียงร้องเหมือนเสียงตะโกน ดังนั้นนักร้องจึงควรรู้เส้นเสียงของตัวเองว่าร้องได้ประมาณเท่าไร เริ่มจากฝึกร้องเพลงในเรนจ์ที่สบายที่สุดก่อน แล้วค่อยๆ ปรับไปเรื่อยๆ เพื่อเปลี่ยนเรนจ์เสียงไปในระดับที่สูงขึ้นซึ่งจะทำให้นักร้องสามารถร้องเสียงสูงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เทคนิคการฝึกร้องเพลงเสียงสูงที่ถูกต้อง คือต้องร้องให้เบา ใกล้เคียงกับตอนที่พูด เพราะนักร้องหลายคนอาจเข้าใจผิดว่าการร้องเสียงสูงคือการตะโกนออกมา แล้วตะเบ็งเสียงออกไปเพื่อให้เสียงร้องของตัวเองนั้นสูงขึ้น แต่เทคนิคการฝึกร้องเพลงเสียงสูงคือร้องเสียงเหมือนเสียงพูดแต่ใส่ทำนองเข้าไปให้เสียงเท่านั้นเอง
เทคนิคการฝึกร้องเพลงเสียงสูงที่จริงแล้วสามารถฝึกฝนได้ไม่ยาก และทุกคนสามารถร้องเพลงเสียงสูงได้อย่างมีประสิทธิภาพได้ เพียงแค่รู้วิธีฝึกวิธีการร้องอย่างถูกต้อง รวมถึงต้องฝึกฝนอย่างเป็นประจำและสม่ำเสมอจนชำนาญ ซึ่งหากใครที่ต้องการฝึกฝนการร้องเสียงสูงของตนเอง และกำลังมองหาสถานที่ในการฝึกฝน ศูนย์การค้าเดอะ สตรีท รัชดา ซึ่งเป็นศูนย์รวมกิจกรรมที่หลากหลาย โดยมีโซน Activity Center ที่ช่วยให้ทุกคนสนุกและผ่อนคลายได้ตลอด 24 ชั่วโมง อย่างบริการ Karaoke Manekineko ไว้ให้ทุกคนได้ฝึกร้องเพลง และผ่อนคลายได้เต็มที่