The Street Share: ใครเคยงานโหลดบ้าง? บทความนี้มีทริค ปั่นงานแบบ One Night Miracle ที่สามารถทำงานให้เสร็จได้ภายในคืนเดียว แก้ปัญหางานโหลด หัวหน้าปลื้มแน่นอน
ในบางครั้งปริมาณงาน และระยะเวลาที่มีนั้นก็ไม่สัมพันธ์กัน ทำให้เกิดงานโหลด ทำงานเสร็จช้า ซึ่งยังไม่รวมถึงงานที่มีข้อผิดพลาด และต้องแก้ไขอีก ทำให้ส่งผลกระทบต่อเพื่อนร่วมทีม หรือฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งการส่งงานช้าอาจทำให้เสียความเชื่อใจในการไว้วางใจให้ทำงาน แสดงถึงการทำงานที่ไม่มีประสิทธิภาพอีก ในบางครั้งเราก็ต้องเลือกวิธีปั่นงานแบบ One Night Miracle เพื่อให้งานเสร็จได้ทันเวลา
การปั่นงานแบบ One Night Miracle คืออะไร? บทความนี้เลยจะมาพูดถึงวิธีปั่นงานแบบ One Night Miracle สำหรับผู้ที่กำลังกังวลถึงงานที่คั่งค้าง และมีจำนวนมากวิธีนี้จะมาช่วยให้งานของคุณเสร็จได้ภายในชั่วข้ามคืน เสมือนเสกมนต์ได้ ช่วยแก้ปัญหางานโหลดได้ แถมทำให้หัวหน้าเป็นปลื้ม ไว้ใจให้เราทำงานอีกแน่นอน
One Night Miracle คือ การใช้เวลาเร่งทำอะไรบางอย่างให้เสร็จภายในคืนนั้น ที่ใช้กันบ่อย จะเป็นพวกการอ่านหนังสือสอบ การปั่นงาน เป็นต้น ซึ่งความหมายแบบตรงตัวนั้น Miracle แปลว่า ปาฏิหาริย์ One Night แปลว่า หนึ่งคืน เลยได้ความหมายว่า หนึ่งคืนแห่งปาฏิหาริย์ ซึ่งปาฏิหาริย์ในที่นี้ก็คือ สิ่งที่เราหวังไว้ให้สิ่งที่ทำอยู่เสร็จได้ในชั่วข้ามคืน เพื่อให้ทันเดดไลน์นั่นเอง เกิดได้บ่อยในช่วงวัยทำงานที่มีความจำเป็นในการสะสางงานที่ค้างเอาไว้ให้ส่งทันในตอนเช้า หรือช่วงวัยกำลังศึกษา นักเรียน นักศึกษา ที่ต้องอ่านหนังสือ อ่านตำราเรียนแบบมาราธอนเพื่อให้ได้มีเนื้อหาที่เรียนมาตลอดเทอมไปสอบในเช้าวันรุ่งขึ้น
ในมุมมองวิทยาศาสตร์แล้ว ทฤษฎีที่ว่านี้ จะกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนที่ช่วยให้เราสามารถรับมือกับสถานการณ์จากภายนอกที่เข้ามากระทบได้ โดยฮอร์โมนเหล่านั้นมีอยู่ 2 ชนิด ที่ทำให้ร่างกายเราเกิดปาฏิหาริย์ได้ คือ
อะดรีนาลิน (Adrenaline) หรือเรียกอีกอย่างว่า เอพิเนฟริน (Epinephrine) ผลิตที่ต่อมหมวกไต จะหลั่งเมื่อร่างกายรู้สึกได้ถึงอันตราย หรือช่วงที่จิตใจอยู่ระดับที่รุนแรง เช่น โกรธ ตกใจ หรือตื่นเต้น ฮอร์โมนตัวนี้จะทำให้ร่างกายอยู่ในโหมดเตรียมพร้อมป้องกันตัว โดยทำให้การทำงานของระบบไหลเวียนเลือดมีประสิทธิภาพมากขึ้น หัวใจเต้นแรงขึ้น สูบฉีดเลือดไปหล่อเลี้ยงสมอง และอวัยวะต่างๆ ในร่างกายได้มากขึ้น
คอร์ติซอล (Cortisol) ผลิตจากต่อมหมวกไตเช่นกัน จะหลั่งเมื่อภายในจิตใจรู้สึกตึงเครียด วิตกกังวล หรือมีอาการตื่นตระหนก ที่เรียกอีกอย่างว่า อาการแพนิค (Panic) โดยฮอร์โมนนี้จะทำการกระตุ้นให้ตับผลิตน้ำตาลในเลือดมากขึ้น เพื่อมาหล่อเลี้ยงร่างกาย เป็นการสเตียรอยด์ที่ร่างกายคนเราสังเคราะห์ได้เอง
เมื่อเราอยู่ภาวะที่เครียด กังวลกับงานที่เยอะ และกลัวส่งไม่ทันเดดไลน์ ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมน 2 ชนิดนี้ ผลที่ได้คือสมองจะแล่น พลังงานในร่างกายจะเริ่มหลั่งไหลเข้ามา หัวใจสูบฉีด กลายมาเป็นปาฏิหาริย์ในชั่วข้ามคืนที่มาจากฮอร์โมนที่หลั่งนี้ ทำให้เราสามารถปั่นงานเสร็จได้ทันและส่งในตอนเช้า ซึ่งก็มีหลายคนที่ทำงานได้ดีเมื่ออยู่สภาพแวดล้อมที่กดดัน
มีวิธีปั่นงาน และวิธีคิดมากมายมาแนะนำ สำหรับผู้ที่กำลังใกล้เดดไลน์ และไม่มีทางเลือกอื่น ขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็เกรงว่าจะไม่ทัน มาดูทริคปั่นงานให้ทันแบบ One Night Miracle จะมีอะไรบ้าง ตามมาดูกันเลย
ก่อนอื่นเลย เราจะต้องปรับมายด์เซ็ทในหัวให้เกิดความกระตือรือร้น สร้างขวัญกำลังใจในการทำงานคืนนั้น บอกตัวเองว่าจะต้องทำให้ได้ นึกถึงเป้าหมาย หาแรงจูงใจเพื่อให้ทำงานให้เสร็จ หลังจากเริ่มรู้สึกมีไฟแล้ว ให้เริ่มลงมือทำทันที โอกาสที่งานจะเสร็จได้ทันนั้น ต้องเริ่มจากการลงมือทำเสียที
หากมีการวางแผนในการทำงานที่ดี ซึ่งการทำ To-do list จะช่วยจัดลำดับความสำคัญของงานต่างๆ ได้ จัดลำดับสิ่งที่ต้องทำ ก่อน-หลัง เพื่อจะได้ไม่ต้องทำงานซ้ำซ้อน และไม่ต้องมานั่งเสียเวลาคิดว่าจะต้องทำอะไรก่อนด้วย หรือป้องกันการทำอะไรผิดพลาดเพราะหลงลืม และ ยังช่วยให้โฟกัสกับงานได้ตรงจุด สร้างสมาธิในการทำงาน ลดการใช้ความจำ เพราะสามารถดูได้จากที่จดลง To-do list ได้เลย เป็นทริคที่สามารถทำให้งานเสร็จทันกำหนดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะทำในตอนที่ปั่นงานส่งวันรุ่งขึ้น หรือการทำงานแบบปกติ
การใจเย็นเกินไปนั้นก็อาจส่งผลเสีย ไม่ควรทำตัวชิลเกินไป เสี่ยงที่จะทำให้ส่งงานไม่ทัน เพราะเกิดจากความนิ่งนอนใจ ชะล่าใจไปว่ายังไงก็ทัน เมื่อไฟลนก้นแล้ว ก็ไม่ควรปล่อยเวลาให้ผ่านไปโดยไม่ทำอะไรเลย เวลาทุกคนมีเท่ากัน การที่งานจะเสร็จได้ ต้องเริ่มทำทันที
การใช้วิธีปั่นงานแบบ One Night Miracle หากทำไปเรื่อยๆ โดยไม่กำหนดเดดไลน์จนเช้า อาจทำให้งานเสร็จได้ไม่ทันการณ์ ให้กระตุ้นด้วยการกำหนดเดดไลน์ในแต่ละขั้นตอนการทำงานนั้นๆ ว่าควรเสร็จตอนไหน เพื่อที่จะได้เริ่มขั้นตอนถัดไป เช่น จะทำรายงานการประชุมให้เสร็จภายใน 5 นาที หรือทำรายงานสรุปให้เสร็จภายใน 10 นาที เป็นต้น การกำหนดเดดไลน์จะช่วยให้งานเสร็จได้ตามเวลาที่ตั้งใจไว้
ไม่ควรแบกงานไว้อยู่คนเดียว ให้เพื่อนในทีม หรือผู้ที่มีส่วนรับผิดชอบในงานตรงนี้ได้ทำด้วย คนที่ทำงานเก่ง ไม่ใช่คนที่ทำงานอยู่คนเดียว แต่คือคนที่กระจายงานได้ดี แบ่งงานที่เหมาะสมให้กับแต่ละคนที่ถนัดในส่วนนั้น จะช่วยประหยัดเวลาในการทำงาน เพราะพองานแต่ละส่วนทำในเวลาที่พร้อมกัน งานก็จะเสร็จไวกว่าการทำงานคนเดียวเป็นไหนๆ
ลองคิดถึงวิธีการทำงานที่ช่วยลดขั้นตอน หรือวิธีที่ทำให้งานง่ายกว่าเดิม เพราะนั่นจะช่วยลดเวลาในการทำงาน และส่งผลให้งานเสร็จได้ทันเดดไลน์ แต่วิธีนั้นจะต้องไม่ลดประสิทธิภาพของชิ้นงานลงไปด้วย เพราะการที่หาทางลัดให้งานที่ทำ เพื่อให้งานเสร็จทันเวลา เพื่อลดขั้นตอนที่ไม่จำเป็นเพียงเท่านั้น ดังนั้นยังต้องมีการใส่ใจในรายละเอียดของงาน หากเกิดข้อผิดพลาด อาจต้องมาทำงานซ้ำอีกรอบ และอาจส่งผลต่อภาพรวมการทำงานของเราและเพื่อนร่วมทีมด้วย
เถียงไม่ได้เลยว่า สภาพแวดล้อมที่ดีมีผลต่อประสิทธิภาพในการทำงานเป็นอย่างมาก หากสภาพแวดล้อมตรงนั้นดีเหมาะแก่การลุยงานที่มากมายนั้น จะช่วยให้เรามีสมาธิ โฟกัสกับงานได้ดีขึ้น และงานก็จะเสร็จได้ทันเดดไลน์ ซึ่งสภาพแวดล้อมที่ดีอาจจะเป็นการได้อยู่ในที่ที่เงียบสงบ ไร้เสียงรบกวน และความวุ่นวาย
กองทัพต้องเดินด้วยท้อง ไม่มีใครสามารถทำงานรวดเดียวโดยที่ไม่กินอะไร หรือไม่พักเลยได้ และการพักหรือหาอะไรกินสักหน่อย ก็เป็นการให้รางวัลแก่สมอง เป็นส่วนช่วยในการเพิ่มพลังงานให้สมองทำงานได้ดียิ่งขึ้น และปั่นงานต่อได้อย่างสบาย และยิ่งถ้าเราปั่นงานตอนดึกแล้วท้องต้องร้องแน่นอน ซึ่งอาจทำให้เราเสียสมาธิได้เช่นกัน การพักจะทำให้สมองเราแล่นขึ้น เพื่อให้งานออกมามีประสิทธิภาพ และเสร็จได้ทันเวลา
การมีเป้าหมาย จุดหมายที่ชัดเจนในการทำงาน จะช่วยทำให้คุณมีพลังใจในการทำงาน หมั่นสร้างแรงจูงใจให้กับตัวเอง แม้ว่าจะมีปริมาณงานที่มาก และมีอุปสรรค แต่ถ้าเรามองโลกในแง่บวก ตัวเราจะมีกำลังใจในการทำงานที่ดีได้ เช่น อาจจะลองตั้งเป้าหมายว่า ถ้าทำงานนี้เสร็จได้ทันจะให้รางวัลตัวเองด้วยการไปกินชาบู หรือให้ตัวเองได้เล่นเกมหนำใจ เป็นต้น
แม้ว่า One Night Miracle จะสามารถสร้างปาฏิหาริย์ได้ในชั่วข้ามคืน ปั่นงานเสร็จส่งทันเดดไลน์ได้จริง แต่วิธีนี้ไม่ควรทำบ่อยๆ เพราะวิธีปั่นงานแบบ One Night Miracle ส่งผลเสียได้หลายอย่าง ซึ่งหากทำบ่อยๆ ครั้ง อาจจะเกิดผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาวได้แน่นอน ซึ่งผลเสียที่ว่าจะมีอะไรบ้างมาดูกัน
ทฤษฎีนี้ อย่างที่ได้ทราบกันในตอนต้น ว่าเป็นทฤษฎีที่ส่งผลให้ร่างกายหลั่งอะดรีนาลิน และเอพิเนฟริน ซึ่งในบางครั้งฮอร์โมน 2 ชนิดนี้ก็ไม่อาจหลั่งได้ในทุกครั้ง และไม่ใช่ว่าทุกคนจะสามารถหลั่งฮอร์โมนเหล่านี้ออกมาได้ เพราะหากไม่เผชิญกับสถานการณ์เฉียดตายจริงๆ ฮอร์โมนเหล่านี้ก็ไม่อาจหลั่งออกมา ซึ่งการปั่นงานก็ห่างไกลจากการเผชิญกับความตายอยู่เหมือนกัน เพราะฉะนั้น One Night Miracle ไม่อาจได้ผลไปตลอด ทางที่ดีให้จัดเวลาในการทำงานให้ดีอย่าให้มีงานค้างจะเป็นผลที่ดีกว่า
แม้ว่าช่วงเวลา One Night Miracle เราจะไม่ได้รู้สึกเหนื่อย เพราะฮอร์โมนที่หลั่งออกมา ทำให้เรากระปรี้กระเปร่า มีพลังงานล้นเหลือ แต่เมื่อฮอร์โมนหยุดหลั่ง ร่างกายจะกลับสู่ภาวะปกติ เราจะเริ่มรู้สึกถึงความเหนื่อยล้าจากการอดหลับอดนอนตลอดคืน ซึ่งหากทำบ่อยๆ โหมทำงานหนักแบบนี้เป็นประจำ จะมีผลต่อสุขภาพ จนอาจเจ็บป่วยได้
การเร่งทำงาน หรือทำสิ่งใดแบบรีบๆ เราก็อาจพลาดรายละเอียดที่สำคัญ ซึ่งแม้จุดเล็กๆ ก็อาจเป็นจุดที่สำคัญก็ได้แม้ว่าจะ One Night Miracle จะช่วยทำให้ปั่นงานได้ทันเดดไลน์ แต่ก็สามารถทำให้เกิดข้อผิดพลาดที่เราไม่ได้ตั้งใจแถมเมื่อเวลาน้อยขนาดนี้ ก็อาจไม่มีเวลาตรวจทานความเรียบร้อยก่อนส่ง ดังนั้นควรแบ่งเวลาให้ดี และเรียงลำดับความสำคัญของงานให้ถูก เพื่อให้งานออกมามีประสิทธิภาพ
One Night Miracle คือทฤษฎีว่าด้วยปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นได้เพียงชั่วข้ามคืน หรือการทำอะไรบางอย่างให้เสร็จภายในคืนเดียว เป็นวิธีที่ใช้กันอย่างมากในหมู่คนวัยทำงาน หรือวัยเรียนโดยจะมีการอดหลับอดนอน เพื่อปั่นงานบ้าง เพื่องานหนังสือไปสอบในวันรุ่งขึ้น ซึ่ง One Night Miracle สามารถทำให้เกิดปาฏิหาริย์ได้จริง จากความมหัศจรรย์ของร่างกายมนุษย์เรา ที่จะหลั่งฮอร์โมนในตอนที่สถานการณ์มันบีบคั้นให้เกิดความเครียด ความตื่นตระหนก ร่างกายจะหลั่งอะดรีนาลิน และเอพิเนฟริน เพื่อทำให้ร่างกายเกิดพลังงาน เกิดความตื่นตัวกระปรี้กระเปร่าขึ้นมา ส่งผลให้ปั่นงานได้ตลอดคืน
แต่ถึงแม้ว่าวิธีปั่นงานแบบ One Night Miracle จะทำให้งานเสร็จได้ทันกำหนด แต่แนะนำว่าไม่ควรใช้วิธีนี้บ่อยๆ ควรจัดแจงเวลาในการทำงานให้ดี และบอกปัญหานี้ตามตรงกับเพื่อนร่วมทีม และหัวหน้าถึงปริมาณงานที่เยอะเกินไป ซึ่งหากจำเป็นต้องปั่นงานแบบ One Night Miracle จริงๆ ก็ควรเลือกสถานที่ที่สภาพแวดล้อมที่ดี ให้เราทำงานได้เต็มที่ อย่างที่ศูนย์การค้าเดอะ สตรีท รัชดา มีคาเฟ่เปิด 24 ชั่วโมง บรรยากาศดีเหมาะแก่การนั่งทำงาน และยังมีร้าน Workwize ไว้ให้นั่งปั่นงานแบบจัดเต็มได้ทั้งคืน