The Street Share: ชวนไปรู้จักภาวะหยุดหายใจขณะหลับ อาการหายใจผิดปกติอย่างการนอนกรน เป็นสัญญาณเตือนว่าร่างกายกำลังมีความเสี่ยง ถ้าปล่อยไว้อาจอันตรายถึงชีวิต
อาการหายใจผิดปกติอย่างการนอนกรน เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม เพราะนอกจากสร้างความรำคาญใจให้กับคู่นอนแล้ว ยังส่งผลเสียอีกมากมายต่อสุขภาพ และอาจก่อให้เกิดภาวะหยุดหายใจขณะหลับที่ส่งผลร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ The Street Share จึงอยากพาทุกคนไปทำความรู้จักกับภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ว่าภาวะนี้คืออะไร สาเหตุเกิดจากอะไร และมีแนวทางการรักษาอย่างไรบ้าง ถ้าพร้อมแล้ว ไปดูกันเลย
ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Sleep Apnea) คือ ภาวะที่คนเรามีอาการหยุดหายใจชั่วคราวขณะนอนหลับ ทําให้ร่างกาย และสมองขาดออกซิเจน ส่งผลให้นอนหลับได้ไม่สนิท และเกิดอาการผิดปกติตามมา โดยสาเหตุเกิดจากการที่ทางเดินหายใจถูกอุดกั้น ซึ่งหากเป็นการอุดกั้นที่ยังมีช่องว่างสำหรับอากาศหายใจ ก็ยังถือว่าไม่เป็นอันตรายมากนัก เพียงแต่อาจทำให้รู้สึกเจ็บคอ หรือสร้างความรำคาญจากเสียงรบกวนให้คนใกล้ตัวเท่านั้น แต่หากเกิดการอุดกั้นจนไม่มีช่องสำหรับอากาศหายใจเข้า-ออกเลย อาจก่อให้เกิดเป็นภาวะหยุดหายใจ ซึ่งหากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกวิธีก็อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพในระยะยาว หรือถึงขั้นเสียชีวิตได้
ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Sleep Apnea) แบ่งออกได้เป็น 3 ประเภทหลักๆ ด้วยกัน ได้แก่
เกิดจากมีการอุดกั้นทางเดินหายใจ (Obstructive Sleep Apnea - OSA)
เกิดจากความผิดปกติของสมอง (Central Sleep Apnea - CSA)
เกิดภาวะหยุดหายใจขณะหลับร่วมกันระหว่าง OSA และ CSA
โดยแต่ละประเภทมีสาเหตุ และอาการที่แตกต่างกัน ซึ่งมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
OSA (ย่อมาจาก Obstructive Sleep Apnea) คือ การหยุดหายใจชั่วคราวเพราะมีสิ่งกีดขวางทางเดินหายใจ
ซึ่งอาการ OSA นี้ เกิดจากการที่บริเวณคอหรือช่องปากมีสิ่งกีดขวางอยู่ ทำให้การหายใจเกิดการติดขัด ซึ่งสิ่งกีดขวางเหล่านั้นเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย เช่น ต่อมอะมิกดาลาโต, ลิ้นปี่โต และกล้ามเนื้อหดเกร็ง ทําให้ทางเดินหายใจอุดตันเวลานอนหลับ พบได้มากถึง 85% ของคนที่อยู่ในกลุ่มอาการดังกล่าวโดยส่วนมากแล้วสาเหตุหลัก ๆ ของ OSA มักเกิดจากภาวะน้ำหนักเกิน, การดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่ และอายุที่มากขึ้นก็ได้เช่นกัน
กรนเสียงดังขณะหลับ
หยุดหายใจ หรือสําลักขณะหลับ
นอนไม่หลับสนิท ตื่นบ่อยตอนกลางคืน
ปวดศีรษะ ง่วงนอน เพลียมากเวลาตื่นเช้า
อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย สมาธิลดลง
CSA นั้นย่อมาจาก Central Sleep Apnea ซึ่งเป็นภาวะของอาการหยุดหายใจที่มีสาเหตุเกี่ยวกับการสั่งการที่ผิดปกติของสมองส่วนกลาง พบได้เฉลี่ย 0.4% ของคนที่อยู่ในกลุ่มอาการของโรคนี้ ซึ่งถือได้ว่าเป็นอาการที่พบได้น้อยมากในคนทั่วไป โดย CSA เกิดจากความผิดปกติของสมองส่วนที่ควบคุมการหายใจ มักมีสาเหตุจากโรคต่างๆ เช่น โรคหัวใจวาย โรคสมอง ไตวายเรื้อรัง และการติดสารเสพติดบางชนิด
หยุดหายใจขณะหลับบ่อยครั้งแล้วกลับมาหายใจใหม่
นอนไม่หลับสนิท มีคุณภาพการนอนแย่
อ่อนเพลีย ง่วงนอนมากในเวลากลางวัน
สมองทํางานผิดปกติ สมาธิสั้น วิตกกังวล
Mixed Sleep Apnea หรือชื่อเต็มว่า Mixed Type Sleep Apnea หมายถึง การหยุดหายใจขณะหลับที่เกิดจากสาเหตุทั้ง OSA และ CSA ร่วมกัน ซึ่งเกิดได้จากหลายสาเหตุพร้อมๆ กัน เช่น มีการอุดกั้นทางเดินหายใจ และสมองควบคุมการหายใจผิดปกติ พบได้ประมาณ 15% ของคนที่อยู่ในกลุ่มอาการดังกล่าว โดยสาเหตุอาจเกิดได้จากหลายปัจจัย เช่น ภาวะน้ำหนักเกิน โรคหัวใจ โรคระบบประสาท และกล้ามเนื้อคออ่อนแรง เป็นต้น
มีอาการทั้งแบบ OSA และ CSA ร่วมกัน
กรน สำลัก หายใจไม่ออก
หยุดหายใจเป็นช่วงๆ แล้วกลับมาหายใจใหม่
นอนไม่หลับ ตื่นบ่อยตอนกลางคืน อ่อนเพลีย และง่วงนอนมากในเวลากลางวัน
หัวใจเต้นผิดจังหวะ ความดันโลหิตผิดปกติ
หลังจากเราได้ทำความเข้าใจเกี่ยวกับอาการ และสาเหตุของภาวะหยุดหายใจขณะหลับทั้ง 3 ประเภท จะเห็นได้ว่ามีบางอาการที่เหมือนกัน และบางอาการที่แตกต่างกันออกไป แต่โดยรวมแล้วอาการของภาวะหยุดหายใจขณะหลับที่สังเกตได้ มีดังนี้
กรนเสียงดัง หายใจเฮือก เกิดอาการสำลักขณะหลับ
นอนไม่หลับติดต่อกันหลายคืน
ตื่นบ่อยตอนกลางคืนแล้วนอนต่อไม่ได้
ปวดศีรษะ ง่วงนอนมากในกลางวัน
อารมณ์แปรปรวน สมาธิแย่ ความจำเสื่อม
คนใกล้ตัวบอกว่าหยุดหายใจขณะหลับ
ภาวะหยุดหายใจเป็นเรื่องที่อันตรายกว่าที่คิด เพราะปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ที่เกิดขึ้นอาจมีความเชื่อมโยงถึงโรคอื่นๆ ได้เช่นกัน ดังนั้น จึงควรหมั่นสังเกตพฤติกรรมการนอนหลับจากคำแนะนำของคนใกล้ตัว เพื่อประเมินความเสี่ยงให้กับตัวเองอยู่เสมอ ซึ่งภาวะการหยุดหายใจขณะหลับถือเป็นโรคร้ายแรงที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพได้หลายอย่าง เช่น
อ่อนเพลียโดยไม่ทราบสาเหตุ เพราะการหยุดหายใจทำให้สมอง และร่างกายขาดออกซิเจน
เสี่ยงโรคอ้วน เพราะการนอนหลับไม่สนิททำให้ร่างกายได้รับพลังงานน้อยลง
เสี่ยงโรคหัวใจ เพราะหัวใจต้องเต้นผิดจังหวะ และได้รับออกซิเจนน้อย
ความดันโลหิตสูง เพราะร่างกายตอบสนองต่อภาวะขาดออกซิเจน
เสี่ยงโรคสมองเสื่อม เพราะสมองได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ
เสี่ยงเส้นเลือดในสมองแตก เพราะความดันโลหิตสูง
เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ เพราะฮอร์โมนเพศผิดปกติจากการนอนไม่หลับ
การเลือกใช้แนวทางรักษาภาวะหยุดหายใจขณะหลับขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการที่ผู้ป่วยพบเจออยู่ ซึ่งการตรวจหาความรุนแรงของโรคต้องได้รับการตรวจ Sleep Test เช่น การตรวจลักษณะการหายใจ หรือการตรวจการทำงานของสมอง เพื่อเป็นแนวทางในการให้คำแนะนำจากแพทย์ถึงผู้ป่วยได้ โดยในการรักษาภาวะหยุดหายใจขณะหลับ มีแนวทางหลัก ๆ อยู่ 3 วิธี ดังนี้
การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเป็นวิธีการรักษาโรคหยุดหายใจขณะหลับที่สําคัญ เพราะสาเหตุหลักของโรคนี้มักเกิดจากปัจจัยเสี่ยงต่างๆ เช่น ภาวะน้ําหนักเกิน การสูบบุหรี่ และการดื่มสุรา เป็นต้น โดยผู้ที่มีอาการในระยะเริ่มต้นสามารถปฏิบัติตามคำแนะนำได้ ดังนี้
ควบคุมน้ำหนัก โดยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ลดอาหารหวาน มัน เค็ม ควบคุมปริมาณอาหาร และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
งดสูบบุหรี่ และงดดื่มแอลกอฮอล์
นอนหลับในท่าที่เหมาะสม เช่น นอนตะแคงซ้าย หรือนอนหงาย ไม่ควรนอนตะแคงขวา
ใช้เตียงนอน และหมอนที่เหมาะสมกับสรีระ
ฝึกหายใจให้ลึกซึ้ง และสม่ำเสมอ
หลีกเลี่ยงการดื่มสุรา หรือรับประทานอาหารมื้อใหญ่ก่อนนอน
นอนหลับให้เพียงพอ ประมาณ 7-9 ชั่วโมง
การบำบัดด้วยเครื่องมือต่างๆ นั้น เป็นทางเลือกหนึ่งในการรักษาภาวะหยุดหายใจ ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการในระดับปานกลางถึงรุนแรง โดยสามารถทำได้ ดังนี้
ใช้เครื่องช่วยหายใจ (CPAP) ให้อากาศเข้าปอดอย่างสม่ำเสมอ
ใช้อุปกรณ์กระตุ้นกล้ามเนื้อคอให้คลายตัวขณะหลับ
ฝึกหายใจให้ถูกต้องด้วยเครื่องมือช่วย
ในกรณีที่ลองใช้ทั้งสองวิธีแล้ว แต่ผลการรักษายังไม่คืบหน้าเท่าที่ควร ขั้นตอนต่อไปอาจต้องศึกษาเกี่ยวกับการผ่าตัด เช่น
ผ่าตัดแก้ไขการบิดเบี้ยวของโครงสร้างใบหน้า และจมูก
การเจาะท่อช่วยหายใจผ่านคอโดยตรง
การตัดส่วนเกินของเนื้อเยื่อในคอหอยออก
การผ่าตัดดึงคอหอยให้แน่นขึ้น
การตัดกระดูกส่วนเกินบริเวณจมูก และผ่าตัดยกเพดานอ่อนในปากให้สูงขึ้น
โดยการผ่าตัดสามารถช่วยให้ทางเดินหายใจกว้างขึ้น และลดอาการหยุดหายใจได้ แต่ผู้ป่วยต้องระวังภาวะแทรกซ้อนหลังผ่าตัด รวมถึงต้องคอยติดตามผลอย่างแพทย์อย่างต่อเนื่อง
ภาวะหยุดหายใจขณะหลับเป็นอันตรายมากกว่าแค่เสียงกรน เพราะอาจเป็นสาเหตุของโรคต่างๆ ที่ตามมาในภายหลังด้วยเช่นกัน ดังนั้น เมื่อสังเกตเห็นอาการที่ผิดปกติของร่างกายแล้วพบว่าตรงกับอาการของภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต และรับการรักษาอย่างเหมาะสม หรืออาจลองทำกิจกรรมที่ผ่อนคลายร่วมด้วยก็ได้เช่นกัน โดยทาง เดอะ สตรีท รัชดา มี Activity Center ที่พร้อมให้บริการเพื่อการผ่อนคลาย และฟื้นฟูร่างกาย เช่น การนวดสปา และคลินิกกายภาพบำบัดที่พร้อมช่วยดูแลสุขภาพของทุกคนหลังจากการทำงานที่เหนื่อยล้า เพิ่มความผ่อนคลาย เพื่อทำให้ทุกคนสามารถนอนหลับได้อย่างเต็มอิ่มมากยิ่งขึ้น