แจกสูตร 7 เมนูหม่าล่ารสเผ็ดจัดจ้าน ทั้งผัด ปิ้ง ต้ม ทำเองง่ายๆ ได้ที่บ้าน
ไม่มีกำหนดอายุ

แจกสูตร 7 เมนูหม่าล่ารสเผ็ดจัดจ้าน ทั้งผัด ปิ้ง ต้ม ทำเองง่ายๆ ได้ที่บ้าน

เมนูหม่าล่าเป็นเมนูที่มีรสชาติเผ็ดแซ่บ หอมเครื่องเทศ และมีจุดเด่นอยู่ที่ความฉ่ำของซอสหม่าล่า เป็นอาหารจีนที่ได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศไทย เพราะใช้วัตถุดิบที่หลากหลาย และสามารถปรับรสชาติได้ตามใจชอบ ไม่ว่าจะเป็นแบบต้ม ปิ้ง ย่าง เสียบไม้ หรือผัดแห้งก็สามารถทำได้ง่ายๆ

แจกสูตร 7 เมนูหม่าล่ารสเผ็ดจัดจ้าน ทั้งผัด ปิ้ง ต้ม ทำเองง่ายๆ ได้ที่บ้าน


แต่บางคนบอกว่าไปนั่งทานร้านข้างนอกอาจไม่คุ้มค่า เพราะราคาแพงค่อนข้างแพง ทำให้ไม่สามารถทานได้บ่อยๆ การเลือกทำกินเองที่บ้านจึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่า เพราะสามารถควบคุมวัตถุดิบ และส่วนผสมได้ บทความนี้ The Street Share: จึงได้รวบรวมเมนูหม่าล่ารสชาติจากจีนที่ได้รับความนิยมในไทยมาให้แบบจัดเต็ม พร้อมสูตรเด็ดหม่าล่าที่ทำตามได้แบบง่ายๆ ไว้กินเองให้อร่อยเผ็ดแบบจุใจ

หม่าล่า คืออะไร ทำไมถึงได้รับความนิยม

หม่าล่า คืออะไร ทำไมถึงได้รับความนิยม

เมนูหม่าล่า คือ เมนูอาหารที่มีรสชาติที่เผ็ด และและมีความโดดเด่นเมื่อทานไปสักระยะ จะเกิดอาการชาในปาก โดยเมนูหม่าล่ามีต้นกำเนิดจากภูมิภาคเสฉวน และฉงชิ่งของประเทศจีน โดยซอสหม่าล่ามีการผสมผสานระหว่างพริกไทยเสฉวน พริก และเครื่องเทศอื่นๆ เคี่ยวในน้ำมันจนกลายเป็นซอสสีแดงเข้ม เพื่อใช้ทานกับเนื้อ อาหารทะเล และผักต่างๆ นอกจากนี้ หม่าล่ายังสามารถทานได้หลากหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นต้ม ผัด ปิ้ง ย่าง หรือเสียบไม้ ทานคู่กับน้ำจิ้มต้นตำหรับก็สามารถทำได้

หม่าล่าได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะมีรสชาติที่ตรงความชอบของคนไทย ด้วยการผสมผสานของความเผ็ด และความชาจากการใช้เครื่องเทศหลายชนิด เพื่อช่วยเพิ่มกลิ่นหอม และปรุงให้รสชาติอร่อยจัดจ้าน หม่าล่าจึงเป็นอาหารรสเด็ด เผ็ดมันที่เหมาะสำหรับใครก็ตามที่ต้องการประสบการณ์ด้านการกินอันแสนพิเศษ

รวม 7 เมนูหม่าล่า ทำกินง่ายๆ เผ็ดจนลิ้นชา

รวม 7 เมนูหม่าล่า ทำกินง่ายๆ เผ็ดจนลิ้นชา

เมนูหม่าล่าสามารถทำได้หลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นผัด ต้ม ซุป หรือแกง และสามารถใช้วัตถุดิบต่างๆ ในการทำได้มากมาย เช่น เนื้อสัตว์ ผัก ไข่ หรือเห็ด เพื่อให้ได้เมนูหม่าล่าที่หลากหลาย กินได้ไม่รู้เบื่อ ต่อไปนี้คือเมนูหม่าล่าที่ทำได้ง่ายๆ เพียงไม่กี่ขั้นตอน แต่ยังคงความเผ็ดและอร่อยของอาหารชนิดนี้ไว้ได้อย่างดี เหมาะสำหรับคนที่ชื่นชอบความเผ็ดร้อนของหม่าล่า แต่ไม่อยากกินอะไรซ้ำๆ แบบเดิมๆ

1. หม่าล่าผัดแห้ง

1. หม่าล่าผัดแห้ง

หม่าล่าผัดแห้ง เป็นเมนูที่ทำได้ง่าย แต่มีความอร่อยมาก คุณสามารถใช้วัตถุดิบที่มีอยู่ในบ้านผสมกับพริกหม่าล่า หรือเลือกซื้อวัตถุดิบอื่นๆ จากร้านค้าทั่วไปมาเป็นส่วนผสมได้ เช่น เนื้อสัตว์ ผัก หรือเส้น เป็นต้น หม่าล่าผัดแห้งจะมีรสชาติที่เผ็ด และชาเป็นเอกลักษณ์ และมีความฉ่ำของซอสเมนูหม่าล่า คุณสามารถปรับระดับความเผ็ดได้ตามใจชอบ โดยการเลือกใช้ซอสหม่าล่าได้ตามความต้องการ

วัตถุดิบและส่วนผสม

  • เส้นมัน จำนวน 1 กำมือ

  • เห็ดหูหนู จำนวน 7 ชิ้น

  • รากบัวล้างสะอาด จำนวน 7 ชิ้น

  • น้ำตาลทราย จำนวน 3 ช้อนชา

  • ดอกเห็ดหอม จำนวน 3 ดอก

  • ผักกวางตุ้ง จำนวน 4 ต้น

  • ผักชี ตามสมควร

  • กระเทียม จำนวน 4 กลีบ

  • พริกแห้ง ตามสมควร

  • ขิงบด จำนวน 1 ช้อนชา

  • เบคอน ตามที่ชอบ

  • ซอสเมนูหม่าล่า จำนวน 5-6 ช้อนโต๊ะ

ขั้นตอนการทำ

  1. แช่เส้นมันเทศ เห็ดหูหนู และรากบัวในน้ำเย็นไว้

  2. ใส่น้ำมันเล็กน้อยลงไปในกระทะ รอจนร้อนแล้วผัดกระเทียม ขิง กับพริกแห้งจนหอม

  3. ใส่เห็ดหูหนูกับรากบัวลงไปผัดจนสุก

  4. ใส่เบคอน เห็ดหอม ผักกวางตุ้ง และเส้นมันเทศลงไปผัด

  5. ปรุงรสด้วยซอสเมนูหม่าล่า และน้ำตาลทราย จากนั้นผัดให้ทุกอย่างผสมกัน

  6. ผัดจนสุก ชิมรสชาติ และปรับตามชอบ ก่อนจัดเสิร์ฟ

2. เบคอนพันเห็ดราดซอสหม่าล่า

2. เบคอนพันเห็ดราดซอสหม่าล่า

หากคุณชื่นชอบเห็ดและเบคอน คุณจะไม่ผิดหวังกับเมนู เบคอนพันเห็ดราดซอสเมนูหม่าล่าที่ทำได้ง่ายๆ แต่อร่อยไม่แพ้ใคร โดยเฉพาะเมนูเบคอนพันเห็ดราดซอสพริกหม่าล่ามีเห็ดเข็มทอ เป็นวัตถุดิบหลัก เพราะเห็ดเข็มทองมีลักษณะกรอบและฟู เมื่อผ่าซีกแล้วจะได้รูปทรงกลมๆ ใช้พันกับเบคอนที่มีรสชาติเค็ม ทำให้รสชาติอร่อยเข้ากันได้ลงตัวโดยไม่ต้องใช้เกลือ หรือซอสปรุงรสอะไรให้มาก

วัตถุดิบและส่วนผสม

  • เบคอน 15 ชิ้น

  • เห็ดเข็มทอง 300 กรัม

  • ซอสหอยนางรม 1 ถ้วย

  • ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ

  • น้ำมันงา 3 ช้อนโต๊ะ

  • งาขาว 3 ช้อนโต๊ะ

  • น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ

  • ซอสพริกหม่าล่า 4 ช้อนโต๊ะ

ขั้นตอนการทำ

  1. ผ่าโคนเห็ดเข็มทองแล้วล้างให้สะอาด

  2. ตัดเบคอนเป็นชิ้นยาวๆ ประมาณ 5 เซนติเมตร

  3. เปิดเตาอบให้อุ่นที่ 180 องศา

  4. เอาเบคอนพันโคนเห็ดแล้ววางใส่ถาดที่ทาไขมันไว้

  5. เทซอสหม่าล่าลงไปคลุมเบคอนพันเห็ดให้ทั่ว

  6. ใส่ถาดลงไปในเตาอบประมาณ 15-20 นาที จนเบคอนกรอบและซอสหม่าล่าสุก

  7. เรียงใส่จาน และแต่งด้วยผักสลัด หรือผักใบตามชื่นชอบ

3. ไก่ทอดซอสพริกหม่าล่า

3. ไก่ทอดซอสพริกหม่าล่า

ไก่ทอดหม่าล่าเป็นเมนูหม่าล่าสำหรับคนที่ชื่นชอบรสชาติเผ็ด หอม และเปรี้ยวของเครื่องหม่าล่า เมื่อนำเมนูไก่ทอดกรอบมาผสมกับพริกหม่าล่าจะได้รสชาติที่จัดจ้าน และเข้ากันได้ดีกับข้าวสวย หรือข้าวเหนียว เมนูนี้ทำไม่ยาก แต่ต้องใช้ความระมัดระวังในการปรุงเครื่องหม่าล่าให้ได้สัดส่วนที่พอดี หากคุณเป็นคนที่ชอบการกินไก่ทอดธรรมดา แต่อยากเพิ่มความเป็นเอกลักษณ์ให้กับเมนูดั้งเดิมของคุณ ไก่ทอดซอสพริกหม่าล่าคือหนึ่งในเมนูหม่าล่าอาหารที่คุณต้องลอง

วัตถุดิบและส่วนผสม

  • เนื้อไก่ 500 กรัม หั่นชิ้นเล็ก

  • แป้งอเนกประสงค์ สำหรับพอหมักเนื้อไก่

  • แป้งข้าวโพด พอประมาณ

  • พริกหม่าล่า 2 ช้อนโต๊ะ

  • ขิง 1 ชิ้น หั่นเป็นแผ่นบาง

  • กระเทียม 5-6 กลีบ สับละเอียด

  • ซอสหอยนางรม 2 ช้อนโต๊ะ

  • ซอสปรุงรส 1 ช้อนโต๊ะ

  • น้ำตาลทราย 1/2 ช้อนชา

  • ข้าวคั่ว เล็กน้อย

  • ผักชี เล็กน้อย เพื่อใช้ใส่เมนูหม่าล่า

ขั้นตอนการทำ

  1. เตรียมเนื้อไก่ให้สะอาด แล้วหั่นเป็นชิ้นเล็ก 

  2. หมักเนื้อไก่กับซอสหอยนางรม ซีอิ๊วขาว แป้งอเนกประสงค์ และแป้งข้าวโพด

  3. เคี่ยวเนื้อไก่ในหม้อทอดน้ำมันให้สุก แล้วเอาเนื้อไก่ออกจากหม้อ และพักไว้

  4. ตั้งกระทะเปิดไฟให้แรง เทพริกเมนูหม่าล่าลงในกระทะ ผัดจนหอมดี

  5. เติมขิง และกระเทียมลงไปผัดให้หอม

  6. เติมซอสหอยนางรม ซอสปรุงรส และน้ำตาลทรายลงไปผัดให้เข้ากัน

  7. เทเนื้อไก่ที่ทอดสุกแล้วลงไปผัดให้เคลือบซอส

  8. เพิ่มข้าวคั่ว และผักชีลงไปผัดให้เข้ากัน

  9. เสิร์ฟใส่จานพร้อมกับข้าวสวยร้อนๆ

4. บะหมี่น้ำซุปหม่าล่า

4. บะหมี่น้ำซุปหม่าล่า

บะหมี่น้ำซุปหม่าล่าเป็นเมนูหม่าล่าที่อร่อย และทำได้ง่ายๆ โดยใช้เส้นบะหมี่ หรือก๋วยเตี๋ยว ผัก และเนื้อสัตว์ตามชอบเป็นส่วนประกอบหลัก ส่วนน้ำซุปหม่าล่าเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้อาหารมีรสชาติเผ็ด หอม และเข้มข้น โดยใช้เครื่องปรุงที่มีรสจัด เช่น พริกแห้ง กระเทียม หอมแดง ขิง ผงกะหรี่ ซอสหม่าล่า ฯลฯ หลายคนอาจสงสัยว่าซอสหม่าล่าทำอะไรได้บ้าง แน่นอนว่าแค่ซอสหม่าล่าดี ก็ช่วยให้เมนูหม่าล่าของคุณอร่อยขึ้นได้แน่นอน

วัตถุดิบและส่วนผสม

  • น้ำซุปหม่าล่า 50 กรัม

  • ซอสถั่วเหลือง 1 ช้อนโต๊ะ

  • เครื่องปรุงเมนูหม่าล่า ½ ช้อนโต๊ะ

  • เนยถั่ว หรืองาดำบด 1 ช้อนชา

  • น้ำมันงาดำ 1 ช้อนชา

  • น้ำตาลทราย ½ ช้อนชา

  • เกลือป่น ⅛ ช้อนชา

  • ผงชูรส ⅛ ช้อนชา

  • เครื่องปรุงจิ๊กโฉ่ว ¼ ช้อนชา

  • เก้าอี้หรือกวางตุ้ง เล็กน้อย

  • เส้นบะหมี่สด 1 ก้อน

  • กระเทียมสับละเอียด 1 ช้อนชา

  • ต้นหอมซอย เล็กน้อย

ขั้นตอนการทำ

  1. ต้มเส้นบะหมี่ และกวางตุ้งให้นุ่ม

  2. ผสมน้ำซุปเมนูหม่าล่าร้อนๆ ให้เข้ากับซอสถั่วเหลือง เครื่องปรุงหม่าล่า เนยถั่ว น้ำมันงาดำ น้ำตาลทราย เกลือป่น ผงชูรส และเครื่องปรุงอื่นๆ 

  3. ใส่เส้นบะหมี่ลงในชาม แล้วใส่ผักกวางตุ้งลงไป โรยกระเทียมสับละเอียด และต้นหอมซอย พร้อมเสิร์ฟ

5. บาร์บีคิวซอสหม่าล่า

5. บาร์บีคิวซอสหม่าล่า

บาร์บีคิวซอสหม่าล่าเป็นเมนูที่เหมาะสำหรับคนที่ชื่นชอบรสชาติเผ็ด เพราะความหอม และเข้มข้นของพริกหม่าล่าที่มาพร้อมความหวานอมเปรี้ยว และรสเค็มของบาร์บีคิว โดยใช้ส่วนผสมที่ง่าย เช่น ซอสหม่าล่า เครื่องปรุงเมนูหม่าล่าซอสถั่วเหลือง น้ำตาลทราย น้ำมันงา ซอสบาร์บีคิว เป็นต้น 

วัตถุดิบและส่วนผสม

  • หมูสันนอกหั่นเป็นชิ้นเล็ก 300 กรัม

  • พริกเมนูหม่าล่า 2 ช้อนโต๊ะ

  • ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ

  • ซอสหอยนางรม 2 ช้อนโต๊ะ

  • น้ำตาลทรายแดง 2 ช้อนโต๊ะ

  • น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ

  • ผงพะโล้ 2 ช้อนโต๊ะ

  • พริกไทยขาว 2 ช้อนโต๊ะ

  • พริกหยวก

  • มะเขือเทศเชอร์รี่

  • แตงกวา

  • หอมใหญ่

  • สับปะรด

  • กระเจี๊ยบสดสีเขียว

ขั้นตอนการทำ

  1. เตรียมเนื้อหมูสั่นนอก และหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ

  2. หมักเนื้อหมูด้วยซอสเมนูหม่าล่า ซอสหอยนางรม ซีอิ๊วขาว น้ำตาลทรายแดง ผงพะโล้ และพริกไทยขาว พักทิ้งไว้ในตู้เย็นประมาณ 1 คืน

  3. หั่นพริกหยวก มะเขือเทศเชอร์รี่ แตงกวา หอมใหญ่ สับปะรด และกระเจี๊ยบสดสีเขียวให้เป็นชิ้นพอดี และนพไปเสียบไม้แหลมสลับกับหมูที่หมัก

  4. เตรียมภาชนะสำหรับผสมน้ำมันงา น้ำมันพืช และซอสพริกหม่าล่า คนให้เข้ากันแล้วพักไว้

  5. ตั้งกระทะสำหรับย่างบาร์บีคิว ใส่น้ำมันเล็กน้อย เมื่อน้ำมันร้อนให้นำบาร์บีคิวที่เตรียมไว้ลงไปย่าง

  6. ระหว่างย่างให้ทาซอสหม่าล่าที่เตรียมไว้ในภาชนะ แล้วย่างต่อด้วยไฟแรงจนเนื้อสุกดี พร้อมจัดใส่จาน แล้วเสิร์ฟได้เลย

6. ข้าวหมูหมักซอสหม่าล่า

6. ข้าวหมูหมักซอสหม่าล่า

เมนูข้าวหมูหมักซอสหม่าล่า เป็นเมนูที่เหมาะสำหรับคนที่ชอบความฉ่ำของซอสเมนูหม่าล่า และอยากกินพร้อมกับข้าวสวยร้อนๆ คู่กับเนื้อหมูที่นุ่ม หอม และเข้มข้น คุณสามารถทำเมนูนี้ได้ง่ายๆ ด้วยวัตถุดิบ และส่วนผสมที่หาได้ทั่วไป และสามารถเพิ่มความอร่อยจากส่วนผสมพิเศษของเมนูพริกหม่าล่า อีกทั้งยังสามารถเปลี่ยนเนื้อสัตว์ตามที่ชอบได้ เช่น ไก่ ปลา หรือเนื้อวัว เพื่อให้เมนูของคุณหลากหลายมากยิ่งขึ้น

วัตถุดิบและส่วนผสม

  • หมูสันในหั่นเป็นชิ้นเล็ก 100 กรัม

  • ซอสหอยนางรม 1 ช้อนโต๊ะ

  • น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา

  • เกลือป่น เล็กน้อย

  • ซอสเมนูหม่าล่า 3 ช้อนโต๊ะ

  • พริกไทยป่น 1/2 ช้อนชา

  • กระเทียมสับ 2-3 กลีบ

  • ต้นหอมซอย เล็กน้อย

  • ข้าวสวยร้อนๆ 1 ถ้วย

ขั้นตอนการทำ

  1. นำเนื้อหมูล้างน้ำให้สะอาด และหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ

  2. ผสมซอสหอยนางรม น้ำตาลทราย ซีอิ๊วขาว พริกไทยป่น และซอสเมนูหม่าล่าในถ้วยให้เข้ากัน

  3. เทซอสที่ผสมไว้ใส่กล่องพลาสติก และใส่หมูลงไป หมักทิ้งไว้ในตู้เย็นประมาณ 30 นาที

  4. ตั้งกระทะให้ร้อน ใส่น้ำมันลงไปเล็กน้อย และนำเนื้อหมูลงไปผัดให้สุกดี

  5. โรยต้นหอมซอย ผัดคลุกเคล้าให้เข้ากันเล็กน้อย แล้วตักใส่จานพร้อมเสิร์ฟ

7. หม่าล่ากะเพราเนื้อทรงเครื่อง

7. หม่าล่ากะเพราเนื้อทรงเครื่อง

เอาใจสายเนื้อกันสักหน่อย ใครที่ชอบทานเนื้อวัวต้องไม่พลาดเมนู หม่าล่ากะเพราเนื้อทรงเครื่อง เมนูนี้เป็นการผสมผสานความเป็นไทย กับหม่าล่าของจีนได้อย่างลงตัว ด้วยวัตถุดิบที่หาได้ง่าย และไม่ซับซ้อน พ่อครัวแม่ครัวมือใหม่ทำได้แน่นอน เนื้อวัวบดนุ่มลิ้น พร้อมปรุงรสเผ็ดจัดจ้านด้วยพริกขี้หนู และซอสหม่าล่าสูตรต้นตำรับ ทานพร้อมข้าวสวยร้อนๆ หรือจะโปะหน้าด้วยไข่เจียวกรอบหอมๆ ก็สามารถทำได้

วัตถุดิบและส่วนผสม

  1. เนื้อวัวบด 300 กรัม

  2. พริกขี้หนู 3 เม็ด

  3. กระเทียม 3 กลีบ

  4. พริกชี้ฟ้าแห้งหั่น ตามสมควร

  5. ใบกะเพรา ตามใจชอบ

  6. ซอสหม่าล่า 2 ช้อนโต๊ะ

  7. น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ

  8. ซอสหอยนางรม 1 ช้อนโต๊ะ

  9. ผงปรุงรส 1/2 ช้อนชา

  10. น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา

ขั้นตอนการทำ

  1. เริ่มต้นด้วยตำพริกขี้หนูกับกระเทียมเข้าด้วยกัน

  2. ตั้งกระทะให้พอร้อน แล้วใส่น้ำมันพืชลงไปเล็กน้อย จากนั้นนำกระเทียม พริกขี้หนู และพริกแห้งลงไปคั่วให้จนหอม

  3. ใส่เนื้อวัวบดลงไปผัดให้เข้ากับกระเทียมและพริก

  4. ปรุงรสด้วยซอสหม่าล่า น้ำปลา ซอสหอยนางรม ผงปรุงรส และน้ำตาลทราย จากนั้นผัดให้เข้ากันด้วยไฟแรงเรื่อยๆ จนเนื้อสุกพอดี (สามารถเพิ่มน้ำลงไปได้เล็กน้อยหลังปรุงรส เพื่อไม่ให้แห้ง หรือแฉะจนเกินไป)

  5. โรยใบกะเพราลงไป ผัดต่อจนใบกะเพราคลุกเคล้าให้ความหอมจนพอดี จึงตักใส่จานพร้อมเสิร์ฟ

กินหม่าล่าอย่างไรให้ดีต่อสุขภาพ

กินหม่าล่าอย่างไรให้ดีต่อสุขภาพ

เมนูหม่าล่าเป็นอาหารที่มีรสชาติเผ็ดชา และได้รับความนิยมในประเทศไทย แต่การกินหม่าล่าอย่างไม่ระมัดระวัง อาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพตามมาได้ เพราะในทุกเมนูจะมีพริกหม่าล่าที่ค่อนข้างเผ็ด และมีสารอาหารบางอย่างที่หากรับประทานมากจนเกินไปอาจเกิดอันตรายต่อร่างกาย เช่น การได้รับโซเดียมสูง การเกิดแผลในกระเพาะอาหาร หรือน้ำหนักที่เพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตาม เมนูหม่าล่าสามารถกินให้ปลอดภัย และดีต่อสุขภาพได้ โดยทำได้ง่ายๆ ตามขั้นตอนต่อไปนี้

  • เลือกวัตถุดิบที่สดใหม่ โดยเฉพาะเนื้อสัตว์แบบไม่ติดมัน เช่น เลือกอกไก่แทนปีกไก่ เลือกสันในหมูแทนสันนอกหมู เลือกปลาแทนปูอัด เป็นต้น รวมถึงการเลือกผักที่สะอาด และเส้นแป้งต่างๆ

  • เลือกเครื่องปรุงหม่าล่าที่มีคุณภาพ เพื่อควบคุมปริมาณโซเดียม และสารเคมีที่อาจผสมอยู่ในเครื่องปรุงแบบสำเร็จรูป ซึ่งมีหลายรูปแบบ หลายแบรนด์ให้คุณเลือก

  • ปรับปริมาณการบริโภค เพื่อไม่ให้บริโภคมากจนเกินไป คุณควรปรับปริมาณการบริโภคให้อยู่ในระดับที่พอดี และไม่ควรบริโภคหม่าล่าบ่อยๆ เพราะความเผ็ดอาจเป็นอันตรายต่อกระเพาะอาหาร

 

สรุป

เมนูหม่าล่าเป็นเมนูที่มีรสชาติเผ็ดร้อน หอม และเข้มข้น โดยใช้เครื่องเทศ และเครื่องปรุงหลายชนิด เช่น พริกแห้ง หัวหอม กระเทียม ขิง ผักชี และซีอิ๊ว โดยเมนูหม่าล่าได้รับความนิยมทั้งในจีนและไทย ซึ่งสามารถทำได้ง่ายๆ ที่บ้านตามสูตรที่เราแนะนำ รับรองอร่อยทุกเมนูแน่นอน แต่อย่าลืมเลือกวัตถุดิบที่มีคุณภาพ เพื่อเพิ่มความอร่อยของเมนูอาหารด้วยตัวช่วยในการคัดเลือกส่วนผสม และวัตถุดิบดีๆ

 

ที่ The Street Rachada ที่คัดสรรแต่ของคุณภาพมาไว้ใน Foodland Supermarket ชั้น B ให้คุณได้เลือกซื้อ โดยเฉพาะซอสหม่าล่าที่หลายคนมักสงสัยว่าสามารถทำอะไรได้บ้าง ที่นี่เรามีให้คุณได้เลือกกันมากมายหลายรสชาติ นอกจากวัตถุดิบดีๆ แล้ว ที่ The Street Ratchada ยังมีร้านอาหารจีนแท้ ไม่ว่าจะเป็น Little Hongkong และหยวนหมิงหยวน ที่ชั้น B หลงหวา ที่ชั้น G และ สุกี้มังกร ที่ชั้น 4 มาพร้อมเมนูหม่าล่าชาลิ้น รสชาติเด็ด ถูกใจคอหม่าล่าแน่นอน

Related