“เทศกาลกินเจ” เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งเทศกาลสำคัญของพี่น้องชาวไทยเชื้อสายจีน ซึ่งเมื่อถึงราว ๆ เดือนตุลาคมเวียนมาบรรจบก็มักจะได้ยินคำคุ้นหูว่า “เทศกาลถือศีลกินผัก” นั่นเอง ดังนั้นเราจึงขอเชิญชวนมาล้างท้องกินอาหารเจพร้อมกับทำความรู้จักกับเทศกาลงานบุญนี้ไปด้วยกัน
เชื่อกันว่าการกินเจหรืออาหารเจเริ่มต้นเมื่อประมาณ 400 ปีที่แล้ว โดยจะเริ่มต้นในวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 9 ตามปฏิทินจีนของทุกปี เกิดจากความเลื่อมใสของชาวพุทธศาสนิกชนต่อพระพุทธศาสนานิกายมหายานร่วมกับลัทธิขงจื๊อที่เกี่ยวข้องกับดาวนพเคราะห์ ซึ่งเชื่อว่าเป็นสัญลักษณ์แทนพระพุทธเจ้าในอดีต 7 พระองค์ และพระโพธิสัตว์ 2 พระองค์ จึงอาจกล่าวได้ว่าเป็นการสักการะพระราชาธิราชทั้ง 9 พระองค์ ด้วยการถือศีลกินเจเป็นระยะเวลา 9 วัน และล้างท้องกินเจอีก 1 วันนั่นเอง
ในเทศกาลกินเจมักจะพบ “ธงเจ” ปักบนอาหารเจหรือประดับตกแต่งภายในร้าน แต่จริง ๆ แล้วยังมีความหมายซ่อนอยู่อีกด้วย
ธงเจจึงมีความหมายในเชิงเตือนใจและเตือนสติต่อผู้กินเจ ให้ปฏิบัติธรรมรักษาศีลเจริญเมตตา ละเว้นเนื้อสัตว์ ไม่เบียดเบียนผู้อื่นและไม่เบียดเบียนตัวเอง รวมถึงการไม่รับประทานอาหารที่ทำลายสุขภาพร่างกาย อาหารเจจึงเปรียบเสมือนเป็นสัญลักษณ์ของอาหารแห่งการปฏิบัติของผู้ถือศีล ไม่เบียดเบียนสิ่งมีชีวิตใด ๆ และเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ผู้ที่กินเจ
อาหารที่เรากินตามปกติในแต่ละวันส่วนใหญ่ประกอบไปด้วยเนื้อสัตว์ของสรรพสัตว์ ดังนั้นผู้กินอาหารเจจึงมีจิตเมตตาพร้อมที่จะละเว้นการกินเนื้อของสัตว์เหล่านั้นได้
แม้ว่าเราจะไม่ได้เป็นคนลงมือฆ่าสัตว์เพื่อนำมาเป็นอาหารเอง แต่การซื้อเนื้อสัตว์จากคนอื่นก็เปรียบเสมือนกับจ้างฆ่าหรือสร้างกรรมอีกทางหนึ่ง ผู้กินเจจึงหันมากินเจเพื่อลดการฆ่าสัตว์โดยไม่เห็นแก่ความอร่อยให้อิ่มเอม
การกินอาหารเจอย่างต่อเนื่องจะช่วยรักษาสมดุลแก่ร่างกาย ขับพิษและของเสียต่าง ๆ ที่ตกค้างในร่างกาย ทำให้อวัยวะภายในสะอาดและปรับระบบต่าง ๆ ให้ทำงานเสถียรมีประสิทธิภาพ
อาหารเจจะเน้นด้านโปรตีนจากพืช คาร์โบไฮเดรต ผักและผลไม้ ซึ่งย่อยง่ายกว่าเนื้อสัตว์ ทำให้ระบบการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ไม่ต้องทำงานหนัก
ร่างกายได้รับสารอาหารจากผักผลไม้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นวิตามิน เกลือแร่ และสารต้านอนุมูลอิสระ ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งสดใสดูดีขึ้น ลดการผลิตเหงื่อและน้ำมันใต้ผิวหนัง
เนื่องจากอาหารเจทำจากวัตถุดิบประเภทผักและแป้งเป็นหลัก เมื่อเราเลือกรับประทานคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนที่มีใยอาหารสูงร่วมกับผัก ระบบการย่อยอาหารจะทำงานมีประสิทธิภาพดี ช่วยขับถ่ายของเสียที่ตกค้างในร่างกายได้เป็นอย่างดีแน่นอน
การรับประทานเนื้อสัตว์เป็นประจำนั้นเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคมะเร็ง อันเนื่องมาจากกระบวนการต่าง ๆ โดยเฉพาะสารเร่งเนื้อแดง สารเร่งโต และสารเคมี ซึ่งแตกต่างจากพืชที่มีส่วนช่วยในการย่อยอาหารและขับถ่ายดีกว่า
การกินเจมักจะมาพร้อมกับการถือศีลและทำบุญ จึงทำให้เรารู้สึกสบายใจและมีความรู้สึกดีต่อตัวเอง อีกทั้งผักและผลไม้บางชนิดสามารถกระตุ้นสารเคมีในสมองที่ช่วยปรับอารมณ์ให้ดีขึ้นได้
ได้แก่ กระเทียม หัวหอม (รวมทั้งต้นหอมและใบหอม) หลักเกียว กุยช่าย และใบยาสูบ
เป็นข้อควรปฏิบัติอย่างเคร่งครัด เพราะเชื่อว่าการกินเนื้อสัตว์คือการเบียดเบียนชีวิตผู้อื่น
หมายถึงอาหารเจควรเป็นอาหารรสอ่อนที่ไม่หวานจัด เค็มจัด เปรี้ยวจัด และเผ็ดจัด เพราะจะทำลายสุขภาพนั่นเอง
อาจจะไม่ต้องเคร่งครัดข้อนี้มากนัก แต่ขอให้เป็นอาหารเจเท่านั้น
ชาวจีนเรียกอาหารคาวว่า “ชอ” ดังนั้นแม้ว่าจะล้างถ้วยชามสะอาดหมดจดก็ไม่สามารถนำมาใช้ปนกันได้
ข้อนี้ตรงกับการรักษาศีลข้อ 1 และเป็นข้อปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ไม่ว่าจะเป็นมดหรือยุงก็ห้ามฆ่าเด็ดขาด
นอกจากอาหารเจที่ช่วยให้ภายในร่างกายสะอาดแล้ว เครื่องแต่งกายภายนอกก็ต้องสะอาดด้วยเช่นกัน แต่ข้อนี้ไม่ได้เข้มงวดมากนักสำหรับผู้ถือศีลกินเจในบ้าน ไม่ได้ไปสถานที่ทำพิธีกินเจหรือที่เรียกว่า “แจตั๊ว” ควรรักษาศีลและทำจิตใจให้บริสุทธิ์
ผู้ถือศีลกินเจควรสะอาดทั้งกาย วาจา และใจ ต้องไม่พูดเท็จ ไม่พูดเพ้อเจ้อ และไม่พูดยุแหย่
เพราะถือว่าเป็นสิ่งแปลกปลอมและทำลายสุขภาพ
สถานที่กินเจหรือ “แจตั๊ว” จะมีการตั้งเครื่องเจต่าง ๆ ประดับดอกไม้ตั้งโต๊ะบูชา อีกทั้งมีการจุดโคม 9 ดวง เพื่อเป็นการสมมติ “เก้าฮ้วงฮุดโจ้ว” ที่จุดทั้งกลางวันและกลางคืนตลอดงาน ถ้าโคมไฟดวงใดดวงหนึ่งดับถือว่าไม่เป็นสิริมงคลและไม่ครบถ้วนพิธีกินเจ
ก่อนกินเจจริง ๆ 1 วัน ควรงดเว้นอาหารต้องห้ามทั้งเนื้อสัตว์และผักบางชนิด เพื่อเป็นการชะล้างอาหารคาวกับเนื้อสัตว์ที่ตกค้างในร่างกายให้ออกหมดจด ร่างกายจะได้สะอาดจากภายในพร้อมสำหรับการถือศีลกินเจ แต่ถ้าไม่สามารถงดเว้นเนื้อสัตว์ได้ทันที ให้ปรับตัวด้วยการกินเนื้อปลาหรือโปรตีนจากถั่วต่าง ๆ อย่าลืมเพิ่มผักและผลไม้ในมื้ออาหารเพื่อช่วยให้ระบบการย่อยอาหารได้ปรับตัวเช่นกัน
ในช่วงเทศกาลกินเจนี้เป็นโอกาสดีที่เราจะได้หันมาดูแลสุขภาพมากขึ้น บางคนอาจจะมองว่าปฏิบัติยาก แต่เราสามารถเลือกปฏิบัติให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของตัวเอง รับประทานอาหารเจพร้อมกับรักษาศีลอยู่ในความสำรวม เพียงเท่านี้ก็ได้ถือศีลกินเจโดยไม่เป็นทุกข์แล้ว