The Street Share: กินแล้วนอน ส่งผลอันตรายมากกว่าที่คิด เพราะเสี่ยงทำให้เกิดโรคได้ มาสำรวจพฤติกรรมกินแล้วนอนกันว่าทำให้อ้วนไหม ต้องผ่านไปกี่นาทีถึงจะนอนได้
‘เมื่อหนังท้องตึง หนังตาก็หย่อน’ เคยสงสัยไหม? ว่าทำไมหลังกินข้าวเสร็จถึงทำให้ง่วง เราเรียกอาการนี้ว่า Food Coma ที่เกิดจากการกินคาร์โบไฮเดรต สมองจึงสั่งการให้ร่างกายใช้พลังงานในการย่อยอาหารมากขึ้น แต่ใช้พลังงานในระบบอื่นๆ น้อยลง เมื่อร่างกายส่วนอื่นทำงานช้าลง จึงทำให้รู้สึกหมดแรง ง่วงซึม และทำให้อุณหภูมิในร่างกายต่ำกว่าปกติด้วย
ดังนั้น จึงเป็นสาเหตุให้หลายๆ คน กินแล้วนอนทันที ซึ่งพฤติกรรมนี้ส่งผลเสียมากกว่าที่คิด เพราะนอกจากจะเสี่ยงเป็นกรดไหลย้อนแล้ว ยังเสี่ยงทำให้เกิดโรคต่างๆ ในอนาคตได้ อีกทั้งยังมีผลสำรวจว่าทำให้อ้วนอีกด้วย มาสำรวจพฤติกรรมกินแล้วนอนกันว่า ทำให้อ้วนจริงไหม? หลังกินข้าวต้องรอกี่นาทีถึงจะนอนได้? พร้อมเคล็ดลับการกิน การนอน ไม่ให้อ้วน และห่างไกลจากโรคภัยไข้เจ็บ
เมื่อคนเรากินอะไรก็ตาม ร่างกายจะทำการย่อยอาหาร เคลื่อนที่จากบนสู่ล่าง แต่ถ้าเรากินเสร็จแล้วนอนเลย น้ำย่อย หรือเอนไซม์ต่างๆ อาจไหลย้อนกลับ จนทำให้ระบบย่อยอาหารผิดปกติ และหากมีพฤติกรรมกินแล้วนอนบ่อยๆ อาจเสี่ยงเป็นโรคต่างๆ ได้ ดังนี้
ในกระเพาะอาหารของคนเราจะมีน้ำย่อย ซึ่งมีสภาวะเป็นกรด เมื่อกินอาหารเข้าไป จะทำให้น้ำย่อยหลั่งออกมาเพื่อย่อยอาหาร แต่ถ้ากินแล้วนอนเลย ก็จะทำให้น้ำย่อยไหลย้อนกลับ จากกระเพาะอาหารไปยังหลอดอาหาร และลำคอ ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้เกิดการอักเสบ อาจมีอาการแสบร้อน หรือเจ็บบริเวณหน้าอก แน่นท้อง เหมือนอาหารไม่ย่อย ถ้ามีอาการกรดไหลย้อนบ่อยๆ อาจเสี่ยงทำให้ระบบย่อยอาหารเสียหายได้ในอนาคต หรือกรณีร้ายแรง อาจทำให้เกิดเป็นมะเร็งหลอดอาหารได้ในที่สุด
อาการท้องอืด คือการมีแก๊สในกระเพาะอาหารมากเกินไป จนทำให้มีอาการอึดอัด ไม่สบายท้อง ซึ่งสาเหตุก็มาจากการกินแล้วนอน เพราะระบบย่อยอาหารจะทำงานเป็นแนวตั้ง จากบนสู่ล่าง แต่ถ้านอนไปเลยหลังกิน อาจทำให้อวัยวะต่างๆ ทำงานไม่เต็มที่ ประสิทธิภาพการย่อยอาหารก็ลดลงตามไปด้วย จนทำให้เกิดแก๊สในกระเพาะอาหารนั่นเอง
อย่างที่กล่าวไปข้างต้น ว่าหากกินแล้วนอนเลยจะส่งผลอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นอาการของภาวะกรดไหลย้อน หรือเกิดอาการท้องอืด ซึ่งภาวะเหล่านี้ ก็อาจจะส่งผลทำให้นอนไม่หลับได้ด้วยเช่นกัน โดยบางอาการอาจจะทรมานจนต้องไปพบแพทย์โดยทันที แต่บางอาการก็ไม่ได้ร้ายแรงขนาดนั้น อย่างไรก็ตาม ก็เป็นอาการที่พอทำให้รำคาญจนนอนไม่หลับได้เช่นกัน
อาการกรดไหลย้อนส่งผลให้เกิดภาวะหายใจผิดปกติขณะนอนหลับได้ โดยมีความเกี่ยวข้องกับโรคหลอดเลือด และหัวใจ เพราะกระบวนการย่อยที่ผิดปกตินั้นส่งผลให้ระบบเผาผลาญไม่ดี การย่อยไม่สมบูรณ์ ส่งผลให้ความดันโลหิต ระดับน้ำตาล รวมถึงคอเลสเตอรอลสูงขึ้นมาก ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญ ที่ทำให้เกิดโรคหลอดเลือดในสมองได้
พฤติกรรมกินแล้วนอน นอกจากจะทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ไม่เต็มที่แล้ว การย่อยอาหารไม่เสร็จสมบูรณ์ และยังทำให้ประสิทธิภาพของระบบเผาผลาญร่างกายทำงานได้ไม่ดีอีกด้วย จนทำให้ร่างกายเกิดการสะสมไขมัน ส่งผลให้น้ำหนักขึ้น จนกลายเป็นโรคอ้วนไปได้ในที่สุด
เราก็ได้รู้กันไปแล้วว่า ทำไมถึงไม่ควรกินแล้วนอนเลย คำถามต่อมาคือ แล้วต้องรอกี่นาทีถึงจะนอนได้? โดยปกติแล้ว ระบบย่อยอาหารจะทำการย่อยอย่างเสร็จสมบูรณ์ จะใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง แต่ถ้าก่อนหน้านี้คุณกินอาหารมื้อใหญ่ๆ อย่างบุฟเฟต์มา ก็ควรรอประมาณ 4 ชั่วโมง เพราะร่างกายจำเป็นต้องย่อยเยอะกว่าปกติ หลังจากนั้น ก็สามารถนอนได้
แต่บางทีรอ 3-4 ชั่วโมงก็นานไป เรามาดูกันดีกว่าว่ามีอะไรให้ทำระหว่างรอบ้าง!
เดินเล่นพลางๆ เพราะการเคลื่อนไหวร่างกายเล็กน้อย จะช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้เร็วขึ้น
เลือกกินของว่างอย่างช็อกโกแลต เพราะมีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยบำรุงหัวใจ และทำให้อารมณ์ดีขึ้น
เลือกดื่มชาสมุนไพร เพราะมีส่วนช่วยในการย่อยอาหาร แก้ท้องอืดได้อย่าง ชาคาโมมายล์
อย่างที่รู้กันไปแล้วว่า ระหว่างกระบวนการการย่อยอาหารนั้นอวัยวะภายในต้องทำงานกันอย่างไรบ้าง เพราะฉะนั้น ควรระมัดระวังพฤติกรรมบางอย่างด้วย เพราะอาจส่งผลกระทบการทำงานของระบบย่อยอาหาร จนทำให้ร่างกายมีอาการผิดปกติ นอกจากห้ามกินแล้วนอน จะมีพฤติกรรมอะไรบ้างที่ไม่ควรทำ ไปดูพร้อมๆ กันเลย!
การอาบน้ำอุ่นหลังกินข้าวเสร็จ อาจทำให้เลือดไปเลี้ยงผิวหนังมากกว่าช่วยย่อยอาหาร ทำให้เสี่ยงอาหารไม่ย่อย ท้องอืด หรือท้องเฟ้อได้
การออกกำลังอย่างหนัก เพราะอาจทำให้เลือดไหลเวียนไปบริเวณกล้ามเนื้อมากกว่าที่จะเข้าไปช่วยระบบย่อยอาหาร จึงอาจทำให้รบกวนระบบย่อยอาหารจนทำให้เกิดอาการจุก เสียด แน่นอนท้องได้
การกินผลไม้ทันที เพราะระบบย่อยอาหารอาจต้องย่อยผลไม้อีกที พอเริ่มทำงานหนักขึ้น ก็อาจทำให้ย่อยไม่หมด จนเกิดการหมักบูด กลายเป็นแก๊สจนถึงขั้นอึดอัด แน่นหน้าท้องได้
การสูบบุหรี่ เพราะอาจเกิดการปล่อยสารเคมีที่ทำให้ระคายเคืองกระเพาะอาหารได้ จนนำไปสู่การอักเสบ จนเสี่ยงทำให้ระบบทางเดินอาหารผิดปกติได้
เลิกกินแล้วนอน แล้วมาปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์การกิน และนิสัยการนอน เพื่อให้ไม่อ้วน ระบบเผาผลาญไม่พัง เสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรง สุขภาพดีกันดีกว่า
พฤติกรรมการกินอาหาร ถิอเป็นหัวใจหลักในการดูแลตัวเองเลย เพราะร่างกายที่แข็งจำเป็นต้องดีมาจากข้างใน นอกจากการคุมอาหารแล้ว การกินอาหารที่มีประโยชน์ก็สำคัญไม่แพ้กัน แม้จะอยากลดน้ำหนักมากแค่ไหนก็ห้ามอดอาหารเด็ดขาด เพราะหากได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ อาจทำให้ร่างกายแย่กว่าเดิมได้ แล้วจะกินอย่างไรดี? มาดูกัน
มื้อเช้า ควรมีผัก และผลไม้ที่ไม่หวานเกินไป ประมาณ 50% พร้อมกับข้าว หรือแป้ง ไม่เกิน 25% และโปรตีน ไขมัน อีกประมาณ 25%
มื้อเที่ยง ควรลดสัดส่วนของคาร์โบไฮเดรตลง จะได้ไม่ง่วง
มื้อเย็น ควรเลี่ยงคาร์โบไฮเดรต และน้ำตาล เน้นกินผัก ผลไม้ โปรตีน และไขมันดีแทน ที่สำคัญคือ เลี่ยงกินหลัง 6 โมงเย็นไปแล้ว
เคล็ดลับการดื่มน้ำลดความอ้วน คือ การดื่มน้ำก่อนมื้ออาหาร 30 นาที เพื่อให้กินอาหารได้น้อยลง ย่อยง่ายมากขึ้น นอกจากนี้ ควรดื่มน้ำระหว่างมื้ออาหารด้วย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในเผาผลาญไขมัน ช่วยในการลดน้ำหนักได้ดี
แล้วควรดื่มเท่าไรถึงจะเพียงพอต่อร่างกาย? เราอาจจะคุ้นเคยกันเรื่องการดื่มน้ำ 8 แก้วต่อวัน แต่จริงๆ แล้วควรดื่มตามน้ำหนักตัวจะดีกว่า เพราะคนที่มีน้ำหนักต่างกัน ระบบภายในร่างกายก็ทำงานต่างกันด้วย สามารถคำนวณได้ ดังนี้
สูตรคำนวณ น้ำหนัก (กก.) x 2.2 x 30/2 = ปริมาณน้ำ (มล.)
ตัวอย่าง
น้ำหนักตัว 60 x 2.2 x 30/2 = 1,980 มิลลิลิตร หรือประมาณ 2 ลิตร
การออกกำลังกายไม่ได้ช่วยแค่ลดน้ำหนักเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ร่างกายแข็งแรง หุ่นเฟิร์มขึ้น ซึ่งการออกกำลังกายสำหรับคนอยากลดน้ำหนัก ขอแนะนำเป็นแบบแอโรบิก เพื่อเน้นกล้ามเนื้อมัดใหญ่ให้แข็งแรงขึ้น แถมยังสามารถลดได้ทุกส่วนของร่างกายอีกด้วย และที่สำคัญ อย่าลืมออกกำลังกายเพื่อยืดหยุ่นร่างกายด้วย อย่างโยคะ เพื่อให้กล้ามเนื้อไม่ตึง และลดอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อไปอีก
แล้วแบบไหนที่เรียกว่าสม่ำเสมอ? เพื่อประสิทธิภาพของการลดน้ำหนัก และเพื่อร่างกายที่แข็งแรงในระยะยาว ควรออกกำลังกายอย่างน้อย 3 วันต่อสัปดาห์ แต่ถ้าอยากลดน้ำหนัก ควรออกกำลังกายอย่างน้อย 5 วันต่อสัปดาห์จะได้ผลดีกว่า เร็วกว่า และแต่ละครั้ง ก็ควรออกกำลังกายอย่างน้อย 30 นาที เพื่อประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้นนั่นเอง
นอกจากห้ามกินแล้วนอน สุดท้ายคือการนอนหลับให้เพียงพอ ซึ่งเป็นวิธีที่สำคัญมาก แต่หลายๆ คนไม่ให้ความสำคัญมากเท่าไร แล้วการนอนหลับที่เพียงพอทำให้ลดความอ้วนได้อย่างไร? ร่างกายนั้นมีกลไกที่คงที่ ระบบในร่างกายจะทำงานตามช่วงเวลาที่เหมาะสมตามธรรมชาติของกลไกร่างกายเลย หากนอนไม่พอ ระบบต่างๆ ภายในร่างกายก็จะทำงานผิดปกติ การหลั่งฮอร์โมนจะผิดเพี้ยนไปจากเดิม โดยเฉพาะโกรทฮอร์โมน ที่ผลิตออกมาในช่วงที่เราหลับ ซึ่งส่งผลให้ร่างกายแก่เร็ว ผิวพรรณไม่ชุ่มชื้น กระบวนการเผาผลาญแย่ น้ำหนักขึ้นง่ายกว่าเดิม
แล้วเท่าไรถึงจะเรียกว่านอนหลับอย่างเพียงพอ? ควรนอนหลับให้ได้ประมาณ 7-8 ชั่วโมง และควรนอนไม่เกิน 4 ทุ่ม เพราะถ้าหากเกินนี้ จะยิ่งทำให้ฮอร์โมนหลั่งได้ไม่เต็มที่ ถึงแม้จะนอนหลับครบ 8 ชั่วโมงก็ตาม
เห็นกันไปแล้วว่า การกินแล้วนอนส่งผลอย่างไรต่อสุขภาพร่างกายบ้าง ทั้งเกิดความเสี่ยงที่จะเป็นกรดไหลย้อน ท้องอืด ท้องเฟ้อ ที่ส่งผลให้นอนไม่หลับ และอาจทำให้ถึงขั้นเป็นโรคเกี่ยวกับหลอดเลือด และหัวใจได้เลย เพราะฉะนั้น ทุกคนอย่าลืมให้ความสำคัญกับพฤติกรรมการกิน และการนอนกันให้ดี ควรกินอาหารที่มีประโยชน์ แบ่งกินอย่างถูกวิธี เพื่อไม่ให้ง่วงระหว่างวัน ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อร่างกาย เพราะน้ำทำให้ระบบย่อยอาหารดีขึ้น นอนหลับให้เพียงพอ เพื่อให้ระบบภายในร่างกายทำงานปกติ รวมถึงการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อร่างกายที่แข็งแรง และหุ่นที่ได้สัดส่วน
พร้อมที่จะรักษาสุขภาพให้ดีขึ้นแล้วหรือยัง? เดินทางมาที่ The Street Ratchada แวะมาที่ซูเปอร์มาร์เก็ต เลือกวัตถุดิบไปทำอาหารเพื่อสุขภาพกันดีกว่า แล้วไปออกกำลังกายกันที่ยิม สตูดิโอเต้น หรือจะเป็นสนามกีฬาในร่ม เพื่อเสริมสร้างสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงขึ้นไปอีก นอกจากนี้ ยังมีร้านอาหารเพื่อสุขภาพมากมาย หรือจะเป็นร้านนั่งชิล ร้านค้าแบรนด์ดัง กิจกรรมสันทนาการอีกมากมาย รับรองว่า มาที่นี่ที่เดียว คุณจะได้ทั้งสุขภาพที่ดี-อิ่ม-สนุก ครบจบในที่เดียวแน่นอน