The Street Share: ไขมันช่องท้อง อันตรายที่มากว่าหุ่นเสีย ต้นตอของโรคร้ายต่างๆ หาสาเหตุไขมันในช่องท้อง พร้อมดูวิธีลดไขมันในช่องท้อง ทำได้อย่างไร บทความนี้มีคำตอบ
Key Takeaway
|
ส่องกระจกแล้วพุงย้วย อาจเป็นสัญญาณอันตรายที่ร่างกายพยายามบอกเรา! ไขมันในช่องท้อง อันตรายที่มากกว่าหุ่นเสีย เป็นต้นตอของโรคร้ายต่างๆ ไม่ว่าจะเบาหวาน ไขมันในหลอดเลือด และอื่นๆ มาหาสาเหตุของการเกิดไขมันในช่องท้อง พร้อมดูวิธีลดไขมันในช่องท้อง ทำได้อย่างไร? บทความนี้มีคำตอบ
ไขมันในช่องท้อง (Visceral Fat) คือไขมันชนิดหนึ่งในร่างกาย ที่สะสมพอกตัวอยู่ที่บริเวณอวัยวะในช่องท้อง เช่น ตับ กระเพาะอาหาร ลำไส้เล็ก รวมถึงกล้ามเนื้อหน้าท้อง โดยไขมันบริเวณนี้อันตรายมาก เป็นตัวการของโรคร้ายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันพอกตับ และโรคหัวใจ
ไขมันในช่องท้องเกิดได้จาก 2 สาเหตุหลักๆ ที่ส่งผลกระทบต่อการสะสมไขมันในร่างกาย โดยเฉพาะในบริเวณช่องท้อง คือการรับประทานอาหารที่มีไขมันเยอะ และการละเลยการออกกำลังกาย โดยทั้งสองสาเหตุมีรายละเอียดดังนี้
การรับประทานอาหารที่มีไขมันเยอะ เช่น เนื้อสัตว์ติดมัน เบคอน และผลิตภัณฑ์จากนมสด รวมถึงอาหารที่มี คาร์โบไฮเดรตสูง และมีน้ำตาลมากเกินกว่าที่ร่างกายต้องการในแต่ละวัน ทำให้ร่างกายเผาผลาญสารอาหารไม่หมด แล้วสารอาหารที่คงเหลือในร่างกายก็จะแปรสภาพเป็นไขมันสะสม แล้วถูกสะสมอยู่ในบริเวณต่างๆ ของร่างกาย รวมไปถึงบริเวณหน้าท้อง จนทำให้เกิดเป็นไขมันในช่องท้องได้ในที่สุด
ไขมันในช่องท้อง อาจเกิดจากการละเลยการออกกำลังกาย โดยการเคลื่อนไหวร่างกายที่น้อยกว่า 150 นาที/สัปดาห์ ทำให้ระบบเผาผลาญในร่างกายทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ เมื่อกินอาหารเข้าไป ร่างกายก็จะเผาผลาญได้ไม่หมด เกิดเป็นไขมันสะสมตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย เพิ่มโอกาสเกิดเป็นไขมันในช่องท้องได้
Visceral Fat หรือไขมันในช่องท้อง คือไขมันสะสมที่อันตรายมากกว่าแค่ปัญหาหน้าท้องนูน เพราะไขมันบริเวณนี้มีความเสี่ยงที่จะเข้าสู่กระแสเลือดและไปสะสมตามผนังหลอดเลือด จนเกิดการตีบตันของหลอดเลือดได้ และไขมันในช่องท้องยังทำให้ร่างกายเกิดภาวะดื้ออินซูลิน และเป็นต้นตอของโรคต่างๆ ตามมา ไม่ว่าจะเป็น
ได้รู้กันแล้วว่าVisceral Fat หรือไขมันในช่องท้อง คืออาการที่อันตรายมากขนาดไหน แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าตัวเองกำลังมีปัญหาไขมันในช่องท้องส่วนเกินอยู่ บทความนี้ได้รวมวิธีเช็กง่ายๆ ทำได้ 3 วิธี ดังนี้
วิธีแรกทำได้ง่ายๆ ด้วยการใช้สายวัด มาวัดบริเวณรอบเอวในตำแหน่งสะดือ ทำได้ง่ายๆ ตามขั้นตอนดังนี้
นอกจากนี้ ขณะใช้สายวัดเอว ควรวัดให้พอดีตัว ไม่รัดแน่นหรือหลวมจนเกินไป โดยทั่วไปแล้วผู้ชายควรมีรอบเอวไม่เกิน 36 นิ้ว และผู้หญิงไม่เกิน 32 นิ้ว หากค่ามากกว่าที่กำหนดแสดงว่าเสี่ยงมีไขมันช่องท้องส่วนเกิน
การคำนวณรอบเอวต่อรอบสะโพก (Waist-to-Hip Ratio) เป็นวิธีการคำนวณอัตราส่วนรอบเอวต่อรอบสะโพกที่ทางองค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำ ทำได้ง่ายๆ ด้วยขั้นตอนดังนี้
ผลลัพธ์ที่ได้จะเป็นเลขทศนิยมสองส่วน โดยผู้หญิงควรมี Visceral Fat ค่าปกติไม่เกิน 0.80 และผู้ชายควรมี Visceral Fat ค่าปกติไม่เกิน 0.95
ค่า BMI หรือค่าดัชนีมวลกาย คือ เครื่องมือที่ใช้สำหรับประเมินสภาวะของร่างกาย ความเสี่ยงของโรคอ้วน โดยหากมีไขมันช่องท้องมาก ก็หมายความว่ามีความเสี่ยงโรคอ้วนมาก คำนวณค่า BMI ได้ตามสูตรดังนี้
น้ำหนัก (กก.) / ส่วนสูง (ม.) ยกกำลัง 2
โดยค่า BMI ที่ได้ มีความหมายดังนี้
มาดูวิธีลดไขมันในช่องท้องแบบเห็นผล เพื่อให้ค่า Visceral Fat ปกติ พร้อมกับลดความเสี่ยงของภาวะ หรือโรคร้ายต่างๆ ที่อาจตามมา ซึ่งทำได้ง่ายๆ ที่บ้าน ดังนี้
การควบคุมอาหารเพื่อลดไขมันในช่องท้อง ทำให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานได้ดีขึ้น ช่วยลดการสะสมของไขมันในร่างกาย โดยเฉพาะในบริเวณช่องท้อง ทำได้ด้วยการลดการทานอาหารที่มีไขมัน คาร์โบไฮเดรต และควบคุมปริมาณน้ำตาลในมื้ออาหาร เช่น ลดแป้ง น้ำตาล และของทอด แล้วหันมาเลือกทานอาหารที่มีไฟเบอร์สูง เช่น ผัก ผลไม้ ธัญพืช และโปรตีนจากเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน
การทำ IF คือการอดอาหารเป็นช่วงๆ โดยแบ่งเวลาเป็นสองช่วง คือ ช่วงกินอาหาร (Feeding) และช่วงอดอาหาร (Fasting) เช่น สูตร 16/8 ที่กินในช่วง 8 ชั่วโมง และอดอาหารในช่วง 16 ชั่วโมง วิธีนี้จะช่วยควบคุมปริมาณแคลอรีที่กินในแต่ละวัน พร้อมกระตุ้นกระบวนการเผาผลาญไขมัน ทำให้ลดไขมันในช่องท้องได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อย่างไรก็ตาม แม้การทำ IF จะเห็นผลได้จริง แต่ก็เป็นวิธีการที่ไม่เหมาะกับโรคเบาหวาน เพราะช่วงเวลาอดอาหาร เป็นช่วงเวลาที่อาจทำให้รู้สึกมึนเวียนศีรษะ ปวดหัว หน้ามืด และอ่อนเพลียได้ง่าย
คาร์ดิโอ คือรูปแบบการออกกำลังกายประเภทหนึ่งที่เน้นไปที่การเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับหัวใจ การทำงานของปอด และบำรุงการไหลเวียนเลือด นอกจากนี้ การออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอยังช่วยเผาผลาญแคลอรีและไขมันในร่างกาย ลดไขมันในช่องท้องอย่างเห็นผล พร้อมกระชับสัดส่วนให้ดูดี แนะนำให้ออกกำลังกายคาร์ดิโอง่ายๆ ทำได้ทุกวัน เช่น วิ่ง ปั่นจักรยาน หรือว่ายน้ำ ทำเป็นประจำประมาณ 30 นาทีต่อวัน สัปดาห์ละ 3-4 วัน
การนอนหลับไม่เพียงพอเป็นต้นเหตุของไขมันในช่องท้องได้เช่นกัน เพราะจะทำให้ระดับฮอร์โมนเกรลินสูงขึ้น อยากอาหารมากขึ้น จึงควรนอนหลับให้เพียงพอประมาณ 7-8 ชั่วโมงต่อคืน เพื่อให้ร่างกายฟื้นฟูและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยควบคุมความหิวจุบจิบที่ส่งผลให้กินอาหารมากเกินไปได้
การสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ เป็นสาเหตุของไขมันในช่องท้อง รวมถึงโรคต่างๆ อย่างโรคอ้วน โรคความดันโลหิตสูง และไขมันพอกตับได้อีกด้วย การลดหรืองดดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ช่วยให้ระบบเผาผลาญไขมันทำงานได้ดีขึ้น ควบคุมระดับอินซูลินในร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้สุขภาพโดยรวมดีขึ้นง่ายๆ ไม่ว่าจะสุขภาพหัวใจ ระบบไหลเวียนเลือด และระบบภูมิคุ้มกัน
การลดหรืองดดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ช่วยให้ระบบเผาผลาญไขมันทำงานได้ดีขึ้น ควบคุมระดับอินซูลินในร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ แถมการสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ยังทำให้เสี่ยงเป็นโรคอ้วน โรคความดันโลหิตสูง และไขมันพอกตับได้อีกด้วย
รู้กันไปแล้วว่าVisceral Fat คือไขมันในช่องท้องที่อันตรายอย่างไร เป็นต้นตอของโรคต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโรคคอเลสเตอรอลสูง ภาวะไขมันพอกตับ โรคเบาหวานชนิดที่ 2 โรคหัวใจ รวมถึงภาวะอื่นๆ อีกมากมาย หากรู้ตัวว่ามีไขมันส่วนเกินแล้วอยากลด แนะนำให้ควบคุมอาหาร ออกกำลังกาย พร้อมพักผ่อนให้เพียงพอ
ที่ The Street Ratchada ศูนย์การค้าที่เปิด 24 ชั่วโมง ตอบโจทย์กับทุกการใช้ชีวิต เป็นพื้นที่ที่ช่วยให้คุณได้ลดไขมันในช่องท้องได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผ่านการออกกำลังกายหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นที่ Jetts Fitness ยิมที่มีอุปกรณ์ครบครัน MTM ยิมประเภทมวยไทย ให้คุณได้ออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอสุดเพลิดเพลิน Minizize สตูดิโอสอนเต้น เพื่อการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอไปพร้อมกับเสียงเพลง และ The Street Arena สนามกีฬาที่คอกีฬาต้องไม่พลาด!